“แพทองธาร” พร้อมผู้นำอีก 6 ชาติ ประชุม BIMSTEC “อิ๊งค์” จับเข่าคุย “มิน ออง ไลง์” แก้อาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์-การป้องกันภัยพิบัติ พบผู้ประท้วงบนสะพานตากสิน ติดป้ายไม่ต้อนรับผู้นำเมียนมา

วันที่ 4 เมษายน 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกแบบตัวต่อตัว ในรอบ 7 ปี ที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ

การประชุมครั้งนี้มีผู้นำทั้ง 7 ประเทศ (รวมประเทศไทย) เข้าร่วมประชุมได้แก่

  • ศาสตราจารย์มูฮัมหมัด ยูนุส (His Excellency Professor Muhammad Yunus) ประธานคณะที่ปรึกษารัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ (Chief Adviser of the Government of the People’s Republic of Bangladesh)
  • นายดาโช เชริง โตบเกย์ (His Excellency Dasho Tshering Tobgay) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน (Prime Minister of the Kingdom of Bhutan)
  • นายนเรนทร โมที (His Excellency Mr. Narendra Modi) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย (Prime Minister of the Republic of India)
  • พลเอกอาวุโส มิน ออง ไลง์ (His Excellency Senior General Min Aung Hlaing) ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา (Chairman of the State Administration Council, Prime Minister of the Republic of the Union of Myanmar)
  • นายเค พี ศรรมะ โอลี (Rt. Hon. Mr. K P Sharma Oli) นายกรัฐมนตรีแห่งเนปาล (Prime Minister of Nepal)
  • ดร.หริณี อมรสุริยะ (Her Excellency Dr. Harini Amarasuriya) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา (Prime Minister of the Democratic Socialist Republic of Sri Lanka)
  • นางสาวแพทองธาร ชินวัตร (Her Excellency Miss Paetongtarn Shinawatra) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทย (Prime Minister of the Kingdom of Thailand)

...

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ก่อนการประชุมนายกรัฐมนตรีได้พบหารือทวิภาคีกับ พลเอกอาวุโส มิน ออง ไลง์ นายกรัฐมนตรีเมียนมา โดยได้กล่าวแสดงความซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานสิ่งของแก่ประชาชนเมียนมา ซึ่งได้จัดส่งถึงเมียนมาแล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา

ในโอกาสนี้ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือครอบคลุมทั้งความร่วมมือด้านการป้องกันพิบัติภัย ทั้งภัยธรรมชาติ และภัยจากมนุษย์ รวมทั้งอาชญากรรมข้ามพรมแดน ยาเสพติด และการลักลอบการค้าที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการ Online Scam (การหลอกลวงทางออนไลน์) รวมทั้งประสานเหยื่อผู้ถูกหลอกลวงกลับประเทศ ซึ่งมาตรการที่เด็ดขาดของไทยทำให้การส่งข้อความและการโทรศัพท์หลอกลวงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวว่าได้สั่งการหน่วยความมั่นคงให้มีการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมภัยไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ผู้นำทั้งสองฝ่ายยังให้ความสำคัญต่อการดำเนินการในการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ฟ้าใส (Clear Sky Strategy) เพื่อยกระดับการป้องกันและแก้ไขไฟป่า ฝุ่นละออง และหมอกควัน โดยมีสมาชิก 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว และเมียนมา โดยที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมาก จุดความร้อนและปัญหาฝุ่นควันลดน้อยลง นอกจากนี้ ไทยและเมียนมายังได้ร่วมกันเตรียมการป้องกันปัญหาน้ำท่วมด้วยการเร่งขุดลอก รื้อถอน สิ่งกีดขวางทางน้ำในแหล่งน้ำ และแม่น้ำระหว่างสองประเทศเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ ก่อนฤดูฝนในปีนี้

ทั้งนี้ ประเทศไทยและเมียนมาจะร่วมกันแบ่งปันองค์ความรู้ทางการเกษตรและปศุสัตว์ เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้เกษตรสมัยใหม่ เช่นข้าวโพด ให้มีผลผลิตมากขึ้น ให้ทำลายธรรมชาติน้อยลง และลดการเผาพืช รวมทั้งการส่งเสริมการเลี้ยงปศุสัตว์ ไก่ โค สุกร ซึ่งจะสร้างรายได้และความมั่นคงให้กับเกษตรกรเพิ่มมากขึ้นด้วย

สำหรับความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ หรือ บิมสเทค (The Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation หรือ BIMSTEC) ครั้งนี้ เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการ และเป็นการริเริ่มและผลักดันของไทย ตามนโยบายมองตะวันตก (Look West Policy)

ปัจจุบัน บิมสเทคมีความร่วมมือ 7 สาขา

(1) การค้า การลงทุน และการพัฒนา
(2) สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(3) ความมั่นคง
(4) การเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร
(5) การปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน
(6) วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม
(7) ความเชื่อมโยง

ประเทศไทยรับตำแหน่งประธานบิมสเทคต่อจากศรีลังกา ซึ่งผู้นำทุกประเทศสมาชิกได้เข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง สะท้อนถึงการยึดมั่นในพันธสัญญาที่ทุกประเทศร่วมกันในฐานะสมาชิก ที่มีประชากรทั้งหมดราว 1,800 ล้านคน ซึ่งเป็นพลังและความจำเป็นที่ทุกประเทศจะต้องมีความร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในช่วงเช้ามีผู้ประท้วงชาวไทยติดป้ายข้อความ “We do not Welcome Murderer Min Aung Hlaing” ที่บริเวณสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (สะพานสาทร) หน้าโรงแรมที่จัดการประชุม แต่เมื่อขึ้นป้ายได้ไม่นานก็มีการเก็บป้ายดังกล่าวออกไป โดยสื่อเมียนมาอย่าง Myanmar Now ก็มีการรายงานข่าวดังกล่าวด้วย.