“นายกฯ แพทองธาร” พร้อมสามี เปิดทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับนายกรัฐมนตรีเนปาลพร้อมคู่สมรส เยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 66 ปี ตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ หนุนความร่วมมือการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยว เป็นสักขีพยานลงนาม 8 ฉบับ

วันที่ 2 เมษายน 2568 เมื่อเวลา 10.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ นายเค พี ศรรมะ โอลี (Rt. Hon. Mr. K P Sharma Oli) นายกรัฐมนตรีเนปาล และภริยา ในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล จากนั้นนายกรัฐมนตรีไทยและนายกรัฐมนตรีเนปาลร่วมตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ ณ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และเชิญนายกรัฐมนตรีเนปาลไปยังห้องสีม่วงเพื่อแนะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) และไปยังห้องสีงาช้างด้านนอก ลงนามในสมุดเยี่ยมและชมของที่ระลึกที่ทั้งสองฝ่ายมอบให้แก่กัน ก่อนเข้าร่วมหารือทวิภาคี ณ ห้องสีงาช้าง

ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญดังนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับนายกรัฐมนตรีเนปาลสู่ประเทศไทย ถือเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีเนปาล นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อกว่า 6 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยปีนี้นับเป็นโอกาสครบรอบ 66 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและเนปาล ที่มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น โดยเฉพาะด้านจิตวิญญาณและวัฒนธรรม ซึ่งมีชาวไทยหลายพันคนเดินทางไปยังลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าเป็นประจำทุกปี พร้อมชื่นชมความสำเร็จของรัฐบาลเนปาลในการเลื่อนสถานะไปสู่ประเทศกำลังพัฒนาภายในปี 2026 และขอให้เนปาลสามารถเปลี่ยนผ่านได้อย่างราบรื่น พร้อมชื่นชมศักยภาพทางเศรษฐกิจของเนปาล รวมถึงความสำเร็จด้านการพัฒนาที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะด้านพลังงานน้ำ ซึ่งในวันนี้ทั้งสองฝ่ายจะลงนามในข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจ (MoUs) จำนวน 8 ฉบับ ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกต่อความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นในอนาคต

...

ทางด้านนายกรัฐมนตรีเนปาล ขอบคุณนายกรัฐมนตรีไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในไทยในนามของรัฐบาลและประชาชนชาวเนปาล เนปาลขอยืนหยัดเคียงข้างไทยในช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ ขณะเดียวกัน จะสานต่อความร่วมมือกับไทยในทุกด้าน ตั้งแต่ระดับทวิภาคีไปจนถึงระดับภูมิภาค และขอบคุณรัฐบาลไทยสำหรับความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างสองประเทศ เนปาลพร้อมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับไทยในด้านที่มีศักยภาพร่วมกัน โดยเฉพาะด้านทรัพยากรมนุษย์และเทคโนโลยีต่างๆ พร้อมชื่นชมความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีไทยในการพัฒนาความร่วมมือระดับภูมิภาค ทั้งนี้ เนปาลให้ความสำคัญกับการประชุม BIMSTEC และพร้อมทำงานร่วมกับประเทศสมาชิกเพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และขอเรียนเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนเนปาลอย่างเป็นทางการในเวลาที่เหมาะสม

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ในเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคี, การอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน, การเกษตรและเทคโนโลยีการเกษตร, การท่องเที่ยว, ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา, ความร่วมมือระดับพหุภาคีและภูมิภาค นอกจากนี้ ไทยพร้อมร่วมมือกับเนปาลแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี สอดคล้องกับนายกรัฐมนตรีเนปาล ซึ่งเผยว่า เนปาลกำลังจะเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก “Sagamatha Sambaad” ซึ่งเป็นการเสวนาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายในเดือนพฤษภาคมนี้

ต่อมาเวลา 11.40 น. นางสาวแพทองธาร และนายกรัฐมนตรีเนปาล ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามและการแลกเปลี่ยนความตกลงร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน จำนวน 8 ฉบับ ดังนี้

1. บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวไทย - เนปาล
2. ความตกลงทางวัฒนธรรม ไทย - เนปาล
3. บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าเนปาล (Nepal Chamber of Commerce)
4. บันทึกความเข้าใจระหว่างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กับสถาบัน Nepal Netra Jyoti Sangh (NNJS)
5. บันทึกความเข้าใจระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับบริษัท Jantra Agro and Forestry
6. บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสยามกับมหาวิทยาลัยกาฐมาณฑุ
7. บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งเนปาล (Federation of Nepalese Chambers of Commerce & Industry: FNCCI)
8. บันทึกความเข้าใจระหว่างสภาอุตสาหกรรมและสภาอุตสาหกรรมแห่งเนปาล (Confederation of Nepali Industries: CNI)

จากนั้นเวลา 11.50 น. นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเนปาล ร่วมกันแถลงข่าว โดยมีสาระสำคัญของการแถลงข่าวว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับผู้นำเนปาลและคณะเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้ ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 66 ปี ไทยและเนปาลมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมายาวนาน มีรากฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน การเยือนครั้งนี้จะช่วยกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้น และเปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับความร่วมมือในอนาคต

ทั้งสองฝ่ายได้หารือในด้านพลังงาน โดยไทยชื่นชมเนปาลในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์ และการพัฒนาโครงการพลังงานน้ำ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงเสริมสร้างความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ลดอุปสรรคทางการค้า และพัฒนาข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นจาก 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน และไทยสนับสนุนให้ภาคเอกชนขยายการลงทุนในตลาดเนปาลมากขึ้น

ด้านการเชื่อมโยง ทั้งสองฝ่ายเห็นถึงความสำคัญของการขยายเส้นทางคมนาคมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สนับสนุนการขยายเส้นทางการบินเชื่อมต่อกรุงเทพฯ - กาฐมาณฑุ พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้เปิดเที่ยวบินตรงสู่ลุมพินี ส่วนด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรม ไทยและเนปาลเห็นพ้องส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม และสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและการแพทย์ นอกจากนี้ ภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล และสายการบิน ต่างมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเนปาล

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังยินดีที่ทั้งสองยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือสำคัญจำนวน 8 ฉบับ ซึ่งเสริมสร้างความร่วมมือ และความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และนายกรัฐมนตรียังขอบคุณเนปาลที่สนับสนุนไทยในฐานะประธาน BIMSTEC และยืนยันความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับ BIMSTEC อย่างใกล้ชิด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกรอบการประชุม และผลักดัน BIMSTEC ให้เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาค

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงความตั้งใจในการเสริมสร้างความร่วมมือกับเนปาลทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เคารพซึ่งกันและกัน พร้อมมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อความมั่งคั่งและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ การมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งนี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและความตั้งใจของไทย-เนปาล ในการเดินหน้าความร่วมมือในทุกมิติ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าวร่วมกัน นายกรัฐมนตรียังได้นำนายกรัฐมนตรีเนปาลและภริยา เยี่ยมชมการจัดแสดงผลิตภัณฑ์หัตถกรรมและหัตถศิลป์ของไทย ณ บริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี และเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีเนปาลและภริยา ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล.