หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงเปิดตัวทีม ปชน. แบ่งสายติดตามความคืบหน้าตรวจสอบ-เยียวยาหลังเหตุแผ่นดินไหว แนะนำรัฐบาลทำ “ทราฟฟี่ฟองดูว์” รับแจ้งเหตุทั่วประเทศ-บูรณาการข้อมูลเตรียมรับมือภัยพิบัติระยะยาว
วันที่ 1 เมษายน 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ฝ่ายกิจการพิเศษ ร่วมแถลงข่าวแนะนำคณะทำงานติดตามประเด็น และประมวลข้อเสนอต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวและตึกถล่มต่อรัฐบาล
โดยในส่วนของนายณัฐพงษ์ ระบุว่าตนขอแสดงความเสียใจต่อทุกการสูญเสียที่เกิดขึ้น รวมถึงขอส่งกำลังใจไปยังเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนครอบครัวและญาติที่กำลังติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดในภารกิจกู้ชีพจากเหตุตึก สตง. ถล่ม พรรคประชาชนมีภารกิจหนึ่งเดียวในช่วงภัยพิบัตินี้ คือการสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐทุกส่วนให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด
โดยตั้งแต่เกิดเหตุวันศุกร์ที่ผ่านมา นอกจากการไปติดตามเหตุที่หน้างานแล้ว ตนยังได้สั่งการไปยังเครือข่ายคณะทำงานจังหวัดของพรรคประชาชนและ สส.พรรคประชาชนในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ให้มีการรวบรวมปัญหาของประชาชนที่ได้รับผลกระทบเพื่อนำมาประสานงานต่อให้เกิดความทั่วถึง จนเป็นที่มาที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้มีการเปิดเว็บไซต์ earthquake.peoplesparty.or.th เพื่อแสดงผลให้เห็นว่ามีประชาชนในพื้นที่ใดบ้างที่ได้รับผลกระทบอยู่ทั้งประเทศขณะนี้
...
นายวิโรจน์ ระบุว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในภารกิจนี้คือการใช้ความเป็นผู้แทนราษฎรในการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลและหน่วยราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อคลี่คลายความกังวลและความสับสนของประชาชนโดยเร็ว รวมถึงเข้าถึงสิทธิและการเยียวยาจากภาครัฐและภาคประกันภัยอย่างรวดเร็ว เสมอภาค และเป็นธรรม โดยคณะทำงานของพรรคประชาชนประกอบด้วยหลายภารกิจ คือ
1) การสำรวจอาคารซึ่งมี นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้ติดตามความคืบหน้าในภารกิจนี้ ตามที่พรรคประชาชนได้ร่วมกับสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทยในการสำรวจอาคารที่พักอาศัยเบื้องต้นให้ประชาชนในพื้นที่ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
2) การทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเข้าถึงการเยียวยาจากภาครัฐตาม มาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตลอดจนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยในกรณีเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งพรรคได้มอบหมายให้ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 9 พรรคประชาชน เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนเรื่องของแรงงาน พรรคประชาชนได้มอบหมายให้ เซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้ติดตามภารกิจนี้ โดยเฉพาะในกรณีไซต์ก่อสร้างอาคาร สตง. ที่พบว่ามีการจ้างงานในรูปแบบเหมาช่วงเป็นจำนวนมาก
3) การตรวจสอบและข้อสงสัยต่างๆ ในกรณีอาคาร สตง. พรรคประชาชนได้มอบหมายให้ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้ตรวจสอบในประเด็นข้อสงสัยต่างๆ อย่างละเอียด ทั้งในเรื่อง TOR การประมูลจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารสัญญา การออกแบบอาคาร การควบคุมการก่อสร้าง และการใช้วัสดุต่างๆ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรัดกุม รอบคอบ และใช้หลักวิศวกรรมเป็นหลัก โดยไม่ทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่งหรือการด่วนสรุป ซึ่งอาจทำให้รัฐเสียผลประโยชน์ในการเรียกร้องจากบริษัทประกันภัยได้
4) การตรวจสอบทุนต่างชาติที่เข้ามากินรวบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไทย พรรคประชาชนได้มอบหมายให้ นายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ติดตามตรวจสอบต่อไปว่ามีการใช้นอมินีคนไทยเข้ามาถือหุ้นแทนบริษัทจีนหรือบริษัทต่างชาติใด และมีการเข้ามาทำธุรกิจที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการชาวไทยหรือไม่ ทั้งการนำเข้าวัสดุก่อสร้างราคาถูกคุณภาพต่ำ การตัดราคา และการทุ่มตลาด
5) กรณีเซลล์บรอดแคสต์ พรรคประชาชนได้มอบหมายให้ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้ติดตามในเรื่องนี้เพื่อให้มั่นใจว่าภายในเดือนกรกฎาคม 2568 ประเทศไทยจะมีระบบเซลล์บรอดแคสต์แจ้งเตือนในกรณีภัยพิบัติหรือสาธารณภัยที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที
6) ที่สำคัญมากคือการวางแผนรับมือภัยพิบัติในระยะยาว ซึ่งมีความจำเป็นต้องบูรณาการทั้งระบบราชการและระบบงบประมาณทั้งหมด ซึ่งหัวหน้าพรรคประชาชนจะเป็นผู้ติดตามกรณีดังกล่าวเอง
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวชื่นชมการทำงานของหลายภาคส่วนในระยะที่ผ่านมา ทั้งรัฐบาลและทาง กทม. ที่ได้ดำเนินการบางส่วนไปแล้ว เช่น ในกรณีของ กทม. ที่มีการใช้ระบบทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ในการบริหารจัดการ ตลอดจนการแถลงข่าวความคืบหน้าของสถานการณ์จากผู้ว่า กทม. เป็นระยะ แต่สิ่งที่พรรคประชาชนอยากเห็นคือการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบเช่นนี้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ระบบทราฟฟี่ฟองดูว์เป็นระบบที่พร้อมใช้โดยไม่ต้องมีการติดตั้ง รัฐบาลสามารถเริ่มใช้ระบบนี้ในทุกจังหวัดได้ทันที ส่วนข้อเสนอในระยะยาว จำเป็นต้องมีการบูรณาการข้อมูลในการจัดการภัยพิบัติร่วมกัน เพื่อให้สามารถรับมือกับเหตุภัยพิบัติได้อย่างดียิ่งขึ้นต่อไป ทั้งการรับมือในระยะสั้นคือการตรวจอาคารเบื้องต้นและการตรวจอย่างเป็นทางการ และในระยะกลางคือการรับเงินชดเชยเยียวยาทั้งจากประกันภัยและหน่วยงานของรัฐ จะมีข้อมูลที่บูรณาการกันมากขึ้น
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าสุดท้ายคือการรับมือในระยะยาว ยังมีอาคารอีกหลายแห่งที่ก่อสร้างก่อนกฎกระทรวงปี 2550 ว่าด้วยการก่อสร้างอาคารเพื่อให้รองรับแรงสะเทือนจากแผ่นดินไหว การมีข้อมูลบูรณาการจะทำให้มองเห็นภาพรวมทั้งหมด อย่างน้อยสามารถวางแผนในระยะยาวเพื่อรับมือกับแผ่นดินไหวในครั้งต่อไปได้ รัฐบาลจะมีตัวเลขที่ชัดเจนให้ประชาชนรับทราบว่าอาคารไหนบ้างที่จะต้องมีการเสริมแรงตามหลักวิศวกรรมเพื่อรองรับเหตุแผ่นดินไหวที่อาจจะรุนแรงมากขึ้นในอนาคต
“สิ่งสำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่น ทันทีที่เกิดเหตุภัยพิบัติ อย่างน้อยควรมีการสื่อสารว่ารัฐบาลดูแลอยู่ และรัฐบาลมีช่องทางใดให้ประชาชนสามารถติดต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอรับการช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที อีกสิ่งสำคัญคือความโปร่งใส ต้องยอมรับว่าตอนนี้มีข้อสงสัยจากหลายภาคส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม การเปิดให้เข้าตรวจเป็นก้าวแรกที่ดี แต่ขั้นตอนต่อจากนี้จนได้ข้อสรุป กระบวนการทั้งหมดต้องมีความโปร่งใส สร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนได้” หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าว