สส.พรรคประชาชน แถลง “พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน” ไม่กล้าหาญ เหน็บ สยบยอมกองทัพ หลังสั่ง “ชยพล” ยุติการอภิปรายขณะแฉหน่วยงาน IO ของกองทัพ ลั่น ไม่เหมาะกับตำแหน่งรองประธานสภาฯ อีกต่อไป
วันที่ 25 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลัง นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้สั่งให้ นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน ยุติการอภิปรายแฉหน่วยงาน IO (ไอโอ) ของกองทัพ โดยระบุว่ามีเนื้อหาพาดพิงสถาบันและคนนอกหลายครั้ง สภาฯ อาจรับผิดชอบไม่ไหว ทำให้ สส.ประชาชน ลุกขึ้นประท้วง ก่อนประธานจะให้ นายชยพล อภิปรายต่อ 10 นาที แต่ห้ามเผยแพร่สไลด์ขึ้นจอ ตามคำร้องขอของ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน
ต่อมา นายชยพล พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุลและนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แถลงข่าวนอกห้องประชุมสภาฯ โดยยืนยันว่าเอกสารทั้งหมดเป็นของจริงที่ได้รับมาจากหลายฝ่าย เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่สามารถเปิดเนื้อหาได้อย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดกระบวนการที่จะเซาะกร่อนบ่อนทำลายประชาธิปไตยและไล่โจมตีประชาชนอย่างไรบ้าง หากได้อภิปรายต่อไปจะเจอคำอธิบายว่าทำไมสถานการณ์การเมืองในสภาฯ ถึงเป็นไปอย่างที่เป็นอยู่เพราะมีความสอดคล้องกันแบบแปลกๆ ทำให้ตนถูกห้ามไม่ให้อภิปรายต่อ
...
ทางด้าน นายวิโรจน์ ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะรู้สึกน่าจะเสียดายมากๆ เพราะหากจะต้องการปกป้อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชยพล กำลังอภิปรายว่าวันนี้มีกองทัพบางส่วนทำตัวอยู่ยอดพีระมิดและเป็นรัฐอิสระเหนือรัฐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าสูงสุดของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ก็ตกเป็นเหยื่อที่ถูกโจมตีและถูกคุกคาม สะท้อนชัดเจนว่านายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่แก้ไขตรงนี้ ไม่ใช่แค่ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และประชาชน
“น.ส.แพทองธาร บอกว่าลาออกจากการเป็นลูกไม่ได้ ผมอยากจะบอกว่า ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องนี้ แม้แต่ชีวิตหรือครอบครัวคุณก็ปกป้องไม่ได้ เป็นการแสดงความขลาดเขลาอย่างมากของพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่เคยอภิปรายเรื่องของ IO มาก่อน เนื้อหาในวันนี้ไม่ได้เสี่ยงไปกว่าผมเลย แต่ในวันนั้นผมอภิปรายในรัฐบาลที่สืบทอดจากเผด็จการ ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ในขณะนั้น ยังมีความกล้าหาญกว่า นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ซึ่งไม่มีความกล้าหาญ ไม่สมกับที่จะดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกต่อไป”
นายวิโรจน์ ยังกล่าวว่า นายพิเชษฐ์ สยบยอมแม้กระทั่งกองทัพ นั่งอยู่บนบัลลังก์ได้แต่พยักหน้า ต้องถามพรรคเพื่อไทยว่าพร้อมที่จะบริหารประเทศจริงๆ หรือไม่ จะปล่อยให้ทหารอยู่ในฐานะรัฐซ้อนรัฐที่จับครอบครัวนายกรัฐมนตรีเป็นตัวประกันหรือไม่ เป็นความน่าอดสูอย่างยิ่ง
ขณะที่ นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า มีความพยายามที่จะสกัดกั้น นายชยพล ปิดปากฝ่ายค้านไม่ให้อภิปรายไม่ไว้วางใจจนจบ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการพูดถึงการปฏิบัติการของกองทัพที่พยายามคุกคามประชาชนอยู่ในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอยู่ในอำนาจนายกรัฐมนตรีที่ควบคุม กอ.รมน. ทำให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีขาดภาวะผู้นำ ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ถูกรองประธานสภาฯ ห้ามไม่ให้พูด
ทั้งนี้ มองว่าเหตุการณ์ในวันนี้ถือเป็นความอัปยศในสภาผู้แทนราษฎร และเป็นการปิดกั้นกลไกตรวจสอบถ่วงดุล การที่ สส.พรรคเพื่อไทย ประท้วงและระบุว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่รู้ถือเป็นเรื่องน่ากลัว ไม่รู้ว่ากองทัพกำลังสอดแนมประชาชน สะกดรอยตามประชาชน และคุกคามสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลของประชาชน รวมถึงนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) ซึ่งตนหวังว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะลุกขึ้นมาตอบว่าทราบเรื่องนี้หรือไม่ และจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้
นอกจากนี้ นายชยพล ยังย้ำด้วยถึงเรื่องการที่สภาฯ บอกว่ารับผิดชอบไม่ไหว ถามว่ารับผิดชอบอะไร เพราะตนกำลังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าถ้าอยู่ในประเทศแบบนี้ หากรัฐบาลแบบนี้ ทุกคนตกเป็นเป้าโจมตีได้ทุกคน ไม่มีใครปลอดภัยแม้แต่ตัวรัฐบาลเอง และไม่มีเสถียรภาพ ต่อไประบบประชาธิปไตยจะเป็นอย่างไร ถ้าผู้นำโดนเป็นเป้าหมายเอง ยืนยันว่าความเสียหายจะเกิดต่อไปหากตนไม่เอาข้อมูลมาเปิดเผย พร้อมขอให้ติดตามเนื้อหาดังกล่าวทางโซเชียลมีเดียของพรรคประชาชน.