“อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด” หยันฝ่ายค้านอภิปรายจืดชืด ต้องร้องขอน้ำปลาด่วน เสียเวลา เก่งจริงขอเนื้อๆ เน้นๆ มั่นใจเสียงสนับสนุนนายกฯ มาเต็ม ซัด “วิโรจน์” ฉวยโอกาสด้อยค่าปม “กี้กี้”

เมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 25 มี.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีของฝ่ายค้านว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านที่ผ่านมา จืดชืดจนตนต้องขอร้องเอาน้ำปลาให้ฝ่ายค้าน เพราะจากยุทธการโรยเกลือของฝ่ายค้าน แต่ดูแล้วเกลือน่าจะไม่พอ โรยเกลือวันนี้ก็คงจะไม่ทัน เพราะฉะนั้นจึงขอร้องขอน้ำปลาด่วน เนื่องจากเป็นการอภิปรายที่จืดชืดมาก เพราะจากการติดตามฟีดแบคจากสื่อมวลชนหลายสำนัก และประชาชน เขาได้ย้อนไปให้เห็นถึงการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านที่ผ่านมา โดยเฉพาะ ส.ป.ก. 4-01 ดูหนักแน่น เป็นเรื่องเป็นราวและมีใบเสร็จ แต่เมื่อวันที่ 24 มี.ค. การอภิปรายของฝ่ายค้านรู้สึกทำให้เสียเวลา ถ้าอภิปรายแบบนี้จะใช้เวลา 5 วัน ก็คงจะไม่มีอะไรจะพูด ถ้าฝ่ายค้านเก่งจริง เอาเนื้อๆ เน้นๆ มาเลยดีกว่า ไม่ต้องไปขี่ม้าเรียกค่าย ไม่ต้องไปวาทกรรมเยอะ

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า สำหรับทีมพิทักษ์ข้อบังคับของพรรคพท. ไม่จำเป็นต้องมีการปรับแผนอะไร เพราะจากสถิติทีมพิทักษ์ของพรรคพท. น้อยกว่าการประท้วงของฝ่ายค้านเสียอีก และยืนยันว่า การทำหน้าที่ประธานการประชุมเมื่อวันที่ 24 มี.ค. สส.ที่ไม่ยอมนั่งลงและจ้องหน้าประธานสภา คือ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) พรรคพท. ไม่มีใครมีพฤติกรรมไปทำเช่นนั้น คำวินิจฉัยของประธานสภาเป็นถึงที่สุด องครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับจะลุกขึ้นมา จะต้องมีการอ้างถึงข้อบังคับทุกครั้งว่าผิดในข้อใด เพราะฉะนั้นผ่านไป 1 วัน ตัวชี้วัดที่บ่งชี้ว่าจริงๆ พรรคพท. ไม่ต้องปรับอะไร ทุกคนทำตามที่เคยประกาศไว้ ส่วนช่วงเวลาที่เหลือก็คงจะไม่มีการประท้วงอะไร ถ้าฝ่ายค้านไม่มีการทำผิดข้อบังคับพรรค

...

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ การอภิปรายของฝ่ายค้านถ้าไม่มีการเสียดสีหรือใส่ร้ายที่ชัดเจนมาก เราก็จะปล่อยให้อภิปราย ตนมั่นใจว่านายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรีทุกคนจะสามารถตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันองครักษ์พิทักษ์ข้อบังคับ ไม่ต้องปรับแผนอะไร เพราะการลุกขึ้นแต่ละครั้งเราก็ดูที่จำเป็นจริงๆ

“การอภิปรายที่ผ่านมาคือจืดชืดต้องร้องขอน้ำปลา ไม่สมเหตุสมผลการที่ไปกล่าวว่านายกฯ เลี่ยงภาษีหรือหนีภาษี และไปจินตนาการใหญ่โตถึงขนาดว่าเอาไปทำธุรกิจที่ไม่เหมาะสมร่วมกับทุนเทาทุนข้ามชาติซึ่งเป็นการใส่ร้าย โดยใส่จินตนาการทำให้สมาชิกต้องทักท้วงว่า ซ้ำซาก เสียดสี ใส่ร้าย แต่คำว่ากี้กี้ ผมคิดว่าเป็นความพยายามฉวยจังหวะ ฉวยโอกาสที่จะใจร้ายหรือด้อยค่าผู้อื่น ซึ่งการที่พยายามจะอธิบายว่า “กี้กี้” หมายถึงเสียงร้องของลูกสมุนของปีศาจ ก็ต้องถามว่าใครเป็นลูกสมุนใคร แสดงว่า การทำหน้าที่ของรัฐบาลที่พยายามพิทักษ์ข้อบังคับการประชุมนั้น แล้วไปพูดว่าเป็นการประท้วงตามงวดงาน ตามสัญญาจ้าง เป็นเสียงร้องของลูกสมุน อันนี้ถือว่าเสียดสีหรือไม่ ซึ่งวิญญูชนสามารถตัดสินได้” นายอนุสรณ์ กล่าว

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว. กลาโหม ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับท่าน ถ้ามีการพิมพ์คำว่า “กี้กี้” ก็จะเจอถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งคนที่พูดคำนี้มันทำให้สงสัยได้ว่ามีพฤติกรรมใช้คำที่ไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการประท้วงให้วินิจฉัยการผิดข้อบังคับการประชุมก็จะมีความระมัดระวังรัดกุมมากขึ้น

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ส่วนการชี้แจงของนายกฯ วันที่ 24 มี.ค. ก็ถือว่าชี้แจงได้ดีและนายกฯ ก็ไม่ได้มีใครช่วย แต่การบริหารราชการแผ่นดินกับระบบราชการก็ทำงานเป็นทีม นายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบมอบหมาย สั่งการ และติดตามตรวจสอบประเมินผล นั่นหมายความว่านายกฯ ไม่ได้ทำทุกอย่างคนเดียว เพราะทุกเรื่องที่รัฐมนตรีชี้แจงนายกฯ ก็รับรู้ทั้งหมด

เมื่อถามว่า มั่นใจเสียงรัฐบาลในการโหวตหนุนนายกฯ ใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์กล่าวว่า เท่าที่ฟังจากหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคและฟังจากผู้มีประสบการณ์ บอกว่าเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลมาครบ มาเต็ม มาแน่นแน่นอน แต่จะมีเพิ่มหรือไม่จะมีเพิ่มหรือไม่อันนี้ต้องติดตาม