ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจระอุกลางดึก “สุชาติ” เดือด โต้กลับ “สหัสวัต” กล่าวหาเลวชั่ว ค้ามนุษย์ หลุดคำหยาบจนถูกประท้วง ย้ำเรื่องสมัยรัฐบาลก่อน ไม่เกี่ยว “นายกฯ อิ๊งค์” ประธานสั่งพักประชุมแล้วก่อนตี 2 ครึ่ง

เมื่อเวลา 23.59 น. วันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี เข้าสู่คิวของ นายสหัสวัต คุ้มคง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ชลบุรี พรรคประชาชน โดยได้อภิปรายถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลปัจจุบัน ว่า ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่สำคัญของประเทศ จำเป็นต้องเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถที่ตรงกับกระทรวงเข้ามาดำรงตำแหน่ง ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยต้องคดีร้ายแรง ไม่มีพฤติกรรมประพฤติชั่วอย่างต่อเนื่อง จึงต้องมีการคัดกรองคุณสมบัติว่ามีคดีหรือพฤติกรรมใดที่ส่อไปในทางที่ดูแล้วเป็นคนที่มีพฤติกรรมทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ ทำตัวเป็นเจ้าพ่อมาเฟีย เอื้อพวกพ้องหรือไม่

นายสหัสวัต กล่าวหาต่อไปว่า มีการเข้าไปพัวพันคือคดีร้ายแรงอย่างคดีค้ามนุษย์ และยังมีชื่อเป็นตัวการหลักในการเรียกรับผลประโยชน์จากขบวนการที่ส่งแรงงานไทยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในต่างประเทศด้วย นายกรัฐมนตรีย่อมทราบแน่นอน เพราะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีมติส่งสำนวนไปให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนตั้งแต่ต้นปี 2567 และเมื่อทราบแล้วอย่างน้อยก็ควรเอะใจบ้าง และใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีช่วยหาประวัติหรือสำนวนคดีใน ป.ป.ช. เข้ามาพิจารณาร่วมก็ได้ เรื่องนี้จึงน่าแปลกใจ เพราะกับคนอื่นนายกรัฐมนตรีดูจะเข้มงวดกับเรื่องคุณสมบัติเป็นอย่างดี แค่มีข้อสงสัยก็หลุดโผแล้ว แต่กับคนนี้ทำไมจึงยังคงแน่วแน่ตั้งใจแต่งตั้งให้เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เว้นเสียแต่ว่าเป็นเพราะนายกรัฐมนตรีตั้งใจตั้งคนแบบนี้ขึ้นมาเพราะมีดีลทางการเมือง

...

ส่วนคดีที่เข้าไปมีส่วนพัวพัน คือสำนวนคดีจากทางประเทศฟินแลนด์มีหลักฐานชัดเจนว่ารัฐมนตรีคนนี้เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการค้ามนุษย์ โดยในช่วงปี 2565 มีปัญหาร้องเรียนกับกรรมาธิการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ว่าแรงงานที่ไปเก็บผลไม้ที่ยุโรปตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ แต่ละครั้งจะต้องมีค่าใช้จ่ายให้บริษัทนายหน้าเกือบแสนบาท และนายหน้ามักทำตัวใจดีให้กู้ยืม แล้วเอาค่าแรงที่ได้มาใช้หนี้ตามหลัง แต่ก็ไม่บอกรายละเอียดว่าจะต้องใช้หนี้อย่างไร หักเดือนละเท่าไร โดยแรงงานกลุ่มนี้มาเพื่อเก็บเบอร์รี่ และยังต้องนอนอัดกันในที่แคบๆ อีกทั้งมีการทำสัญญาปลอม สัญญาที่ลงนามที่กรมการจัดหางานเป็นชุดหนึ่ง พอไปถึงกลับเป็นอีกชุดหนึ่ง และหลายคนถูกยึดพาสปอร์ตและเอกสารสำคัญเอาไว้ และอ้างว่ามีการเรียกรับสินบนด้วย

ก่อนระบุในช่วงท้ายว่า นายกรัฐมนตรีไม่กำกับดูแลหรือรับผิดชอบต่อรัฐมนตรีที่ตัวเองตั้ง อย่างในกรณีของประกันสังคมที่คนทั้งประเทศสนใจกันทั่วบ้านทั่วเมือง นายกรัฐมนตรีกลับไม่มีความกล้าหาญที่จะออกมาพูดอะไรสักคำ หรือเพราะต้องการปกป้องคนแบบนี้เพราะดีลที่ทำไว้ ท่านกำลังทำดีลแลกประเทศด้วยการตั้งคนๆ นี้มาเป็นรัฐมนตรี เงินภาษีและเงินของผู้ประกันตนไม่รู้กี่หมื่นล้านบาทที่ต้องหายไปก็ไม่สนใจ เพียงเพราะว่าท่านต้องการจะปกป้องคนสำคัญคนนี้ไว้ใช่หรือไม่ จึงไม่สามารถไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป

ในระหว่างนั้น นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ขอใช้เวลาเล็กน้อยว่าถูกพาดพิงหลายเรื่อง โดยระบุว่าตนเองไม่ได้วืดตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ปฏิเสธเลยไม่ได้เป็น และตนได้รับสายโทรศัพท์เป็นการตำหนิจากชาวมุสลิมหลายคนเรื่องที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดถึงมุสลิมนิกายซุนนี ซึ่ง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เป็นมุสลิม อยากให้ช่วยอธิบายกับนายภูมิธรรม ไม่เช่นนั้นชาวมุสลิมจะเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี ยืนยันว่าตนเองกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคกล้าธรรม ไม่ได้วืด แต่เราปฏิเสธที่จะไม่เป็นรัฐมนตรี เพื่อความสบายของนายกรัฐมนตรี

จากนั้นเวลา 00.39 น. เข้าสู่วันที่ 25 มีนาคม 2568 หลังการอภิปรายมีการพาดพิง นายสุชาติ กล่าวชี้แจงตอบโต้อย่างมีอารมณ์ว่า ที่แรกว่าจะกลับบ้านแล้ว แต่นั่งดูละครน้ำเน่าอยู่นิดนึง พร้อมถามหาคนผู้อภิปรายพาดพิงตน ว่า “อยู่ไหน คนที่พูดเมื่อกี้อยู่ไหน นั่งด้วย ยังอยู่ไหม เออนั่งฟังหันหน้ามา” ขณะนั้นนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ขอใช้สิทธิ์ประท้วง ทำให้นายสุชาติ พูดขึ้นว่า “อะไรคุณพูดตั้งเยอะผมยังไม่ประท้วงคุณเลย” โดยนายชุติพงศ์ ขอให้ประธานควบคุมความสงบเรียบร้อยในที่ประชุม และขอบอกผ่านประธานไปยังบุคคลเมื่อสักครู่ว่า เมื่อพูดในสภาฯ ให้พูดผ่านประธาน สภาฯ เป็นที่อันทรงเกียรติ เป็นที่ของตัวแทนประชาชน แต่พฤติการณ์เมื่อสักครู่ไม่เหมาะสมในสภาฯ อันทรงเกียรติแห่งนี้

ประธานสภาฯ วินิจฉัยว่า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามต้องพูดกับประธาน และขอไม่ให้มีการชี้หน้า ต่อมานายสุชาติ ชี้แจงว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคราวที่แล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตนมีคดีความในชั้น ป.ป.ช. หรือ ดีเอสไอ ท่านต้องมีมารยาทในการอภิปรายในสภาฯ “คุณด่าผมชั่ว ด่าผมเลวไม่เป็นไร ผมจะบอกผมเกิดมาชลบุรีเนี่ย ผมเพิ่งเห็นคนชลบุรีชั่วเลวอย่างคุณเนี่ยแหละ ถ้าใครประท้วงผมจะพูดคำว่า ที่คุณด่าผมเมื่อกี้ชั่ว เลว อาชญากร ผมไม่เคยประท้วงเลย ผมนั่งฟังจนจบ คนเราลูกผู้ชายต้องรับฟังด้วยกัน”

นายสุชาติ กล่าวต่อไปถึงเรื่องฟินแลนด์ว่า ถ้าตนเองอยู่ในกระบวนการที่กล่าวหามา จะไปเพื่ออะไร สมองคิดให้เป็น ตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ออกมาตรการ 13 ข้อ ในการป้องกันการค้ามนุษย์ คิดให้เป็น อย่าโง่ ก่อนจะขึ้นเสียงว่า “ไม่ต้องประท้วง” เมื่อมีผู้ยกมือขึ้น และบอกว่า “เมื่อกี้ว่าผมกี่เรื่อง โธ่ เรื่องแค่นี้รับไม่ได้” ก่อนจะกล่าวต่อไปหลังถูกประท้วงว่าจะพยายามสุภาพเพราะของขึ้น ทั้งนี้ หนึ่งในมาตรการหนึ่งคือสัญญาที่ลูกจ้างที่ไปทำงานที่ฟินแลนด์ กลับมาจะต้องมีเงินอย่างน้อย 30,000 บาทภายใน 3 เดือน หลังหักค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก จะค้ามนุษย์ได้อย่างไร คนที่มีปัญหามีเพียง 30 กว่าคนจาก 3,900 คนที่ไป เก็บมากก็ได้มาก เก็บน้อยได้น้อย มีครอบครัวหนึ่งมา 7 คน กลับไปด้วยเงิน 1 ล้านบาท และมาทุกปีระหว่างรอข้าวในนา ยืนยันว่าไม่ได้คิดให้แรงงานไปแล้วลำบาก ถ้าเป็นแบบนั้นก็อายตัวเองเหมือนกัน กระทรวงแรงงานเข้ามาเป็นคนกลางเพราะกลัวว่าแรงงานไปแล้วจะกลับมาเป็นหนี้

ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าตนรับเงิน อยากให้ช่วยตามหาคนๆ นั้นเพื่อจะฟ้อง แต่หาตัวไม่เจอ และที่ตนฟ้องดีเอสไอที่กล่าวหาตน ขอถามกลับว่ามีเส้นเงินตนสักบาทหรือไม่ เขามาเอาเงินมาให้ตนหรือ การกล่าวหาการทุจริตรับเงินเป็นเรื่องร้ายแรง ทุกอย่างพิสูจน์ที่กระบวนการยุติธรรม ก่อนจะหลุดคำหยาบออกมาจนถูกประท้วงอีกครั้งจึงรีบขอโทษและถอนคำดังกล่าว ยืนยันว่าตนเองให้เกียรติสมาชิกทุกคน ไม่เคยกล่าวหาว่าใครทุจริตหรือโกง แต่คนที่กล่าวหาตนเช่นนี้ก็ต้องพิสูจน์กันถึงที่สุด

“ผมกล้าที่จะยอมรับการตรวจสอบทั้งหมด ผมลูกผู้ชายพอ ถ้าสิ่งใดที่คิดว่าเราผิดพลาด หรือเราทำ ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่ใช่มากล่าวหากันรายวัน ทุจริต คดโกง ทำให้กองทุน(ประกันสังคม) มีปัญหา เรื่องนู่นนี้มันไร้สาระครับ เรื่องนี้มันไร้สาระจริงๆ และจริงๆ วันนี้ไม่ควรที่จะกล่าวถึงผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ท่านนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ท่านไม่ได้เกี่ยวข้อง ไม่ได้บริหารประเทศในรัฐบาลนั้น สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดทุกอย่างมันอยู่ในกระบวนการยุติธรรม การตรวจสอบทั้งหมด แต่ถ้าคุณมาพิพากษาผมในสถานที่แห่งนี้ผมก็ต้องสู้นะครับ มาพิพากษาผมโดยกล่าวหาผ่านสื่อ ผมว่ามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย”

นายสุชาติ ทิ้งท้ายว่า ควรอภิปรายด้วยเหตุและผล ตนอดทนฟังคำด่า คุณก็มีพ่อมีแม่ ตนก็มี การพูดว่าชั่ว เลว อาชญากร คนมีการศึกษา คนเป็นผู้แทนราษฎร ต้องมีวุฒิภาวะ ขนาดอยู่จังหวัดเดียวกัน ตนยังไม่รู้จักเลยว่าผู้อภิปรายอยู่ไหน ก่อนย้ำว่าทุกอย่างพิสูจน์กันในกระบวนการยุติธรรม และจบการชี้แจงในเวลา 00.55 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลังการอภิปรายเรื่องเกี่ยวกับชายแดนภาคใต้และการแก้ปัญหาของ นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ซึ่งเป็นคนสุดท้ายของการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรกนั้น นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม กล่าวขึ้นว่าหมดผู้อภิปราย ขณะนั้น นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ขอให้มีการอภิปรายต่อเพราะยังไม่ง่วง เอาให้ถึง 05.30 น. ตามเวลา และถามว่าวันที่ 2 ของการอภิปรายจะเริ่มเวลาใด กำลังคึกอยู่เลย ประธานกล่าวว่าวิปจะชี้แจง

ทางด้าน นายชุติพงศ์ กล่าวในฐานะวิปฝ่ายค้านว่า กรอบวันที่ 25 มีนาคม 2568 ประธานจะมีเวลา 1 ชั่วโมง คณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมรัฐบาล 3 ชั่วโมง 30 นาที พรรคร่วมฝ่ายค้าน 11 ชั่วโมง รวมเวลาทั้งหมด 15 ชั่วโมง 30 นาที หากเวลาในวันที่ 24 มีนาคม หากใช้ไม่ครบจะไม่นำมารวมกับเวลาในวันที่ 25 มีนาคม และถ้าหากพรรคฝ่ายค้านอภิปรายครบเวลา แม้จะเกิน 23.59 น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2568 จะไม่มีการปิดประชุมก่อนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะใช้เวลาที่ได้รับการจัดสรรจนครบจำนวน โดยจะเริ่มการอภิปรายในวันที่ 2 เวลา 08.00 น. โดย น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และฝ่ายค้านจะคุมเวลาอย่างเต็มที่ อีกทั้งยินดีเพิ่มเวลาให้กับประธานหากมีผู้ประท้วงจนกินเวลาประธาน

ขณะที่ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนวิปรัฐบาล กล่าวว่า สัดส่วนข้อตกลงเป็นตามตามที่ฝ่ายค้านแจ้ง วันนี้หลายส่วนราบรื่นด้วยดี เชื่อว่าจะสามารถจบได้ตามที่เราตกลงกันไว้ พร้อมขอความร่วมมือทุกท่านทำงานเต็มที่เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน จากนั้นประธานสั่งพักการประชุมในเวลา 02.21 น. ของวันที่ 25 มีนาคม 2568

(ภาพ : ศรันย์ พงษ์สวัสดิ์)