“สุรเชษฐ์” อภิปราย แฉ 2 Super Deals แสนล้านโยงคนตระกูลชิน หากินกับสัมปทานรัฐ เจอ “ก่อแก้ว” ท้าระบุชื่อมาเลย ลั่นนายใหญ่คือนายผม อย่าแกล้งโง่ ทำ “พิเชษฐ์” ห้ามทัพวุ่นอย่าพาดพิงบุคคลที่ 3 แนะหยุดก้าวร้าว มันจะเป็นปัญหา

วันที่ 24 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 18.12 น. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวอภิปรายถึงการทุจริตเชิงนโยบาย และ 2 Super Deals ระดับแสนล้านบาทของรัฐบาลแพทองธาร โดยสืบทอดมาจากขั้วอำนาจเก่า แต่มีการตัดสินใจอย่างมีนัยสำคัญ ภายใต้แกนนำของนายใหญ่และนายน้อย เป็นการเอื้อประโยชน์เพิ่มเติมของรัฐบาลแพทองธาร โดยทั้ง 2 เรื่องเป็นการเอื้อประโยชน์ในนายทุน ที่ไม่ได้พัวพันแค่กระทรวงคมนาคม แต่ยังเกี่ยวกับกระทรวงการคลัง และแน่นอนว่าดีลใหญ่ระดับนี้ย่อมเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ที่มีนายกฯ เป็นประธาน จึงขอให้นายน้อยตั้งใจ และออกมาแสดงความรับผิดชอบในเวทีอภิปรายแห่งนี้ เพราะดีลระดับแสนล้านนี้มีเพียงนายกฯ และพ่อนายกฯ เท่านั้นที่ตัดสินใจได้

โดย Super Deal แรก คือการแก้สัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่มีการปรับงวดเงินที่รัฐร่วมลงทุน 1.4 แสนล้านบาท โดยลักษณะของทุนใหญ่ คือ คว้าสัมปทานไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยหาประโยชน์เพิ่ม ด้วยการแก้สัญญา ส่วน Super Deal 2 คือการขยายสัมปทานทางด่วน ด้วยการหากินต่อจากสัมปทานเดิม ลักษณะของทุนใหญ่ที่เข้ามาหากิน คือ ได้สิทธิ์กินเต็มที่แล้ว แต่อยากกินต่อ เลยขอขยายสัมปทานไปเรื่อย

“พอกันทีนะครับตระกูลชิน หากินกับสัมปทานรัฐ คือดีลแบบนี้คุณอาจมีกินมีใช้ แต่มันไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรี” นายสุรเชษฐ์ กล่าว

...

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิ์ประท้วง เนื่องจากนายสุรเชษฐ์ใช้บางคำที่ไม่เหมาะสมอยากให้หลีกเลี่ยงเช่นคำว่าตระกูลชินวัตร เพราะว่าตระกูลเขาใหญ่ มีสมาชิกหลายร้อยคน เพราะฉะนั้นเวลาพูดถึงตระกูล หลายๆ คนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง เขาพลอยเสียหายด้วย จึงอยากให้จะยิงใครก็ยิงไปเลย อย่ายิงกราด ระบุชื่อมาเลย และข้อ 2 อย่าอภิปรายคำว่านายใหญ่ เพราะคำว่านายใหญ่หมายถึงนายผมแหละครับ คุณทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้อยู่ในนี้ เพราะฉะนั้นการพาดพิงบุคคลที่ 3 ที่ไม่สามารถมีอภิปรายตอบโต้คุณได้มันไม่ยุติธรรม หากอยากจะพูดก็ให้เฉียดๆ ไปแล้วกัน ไม่งั้นตนเองได้ลุกขึ้นมาอีก

ด้านพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้วินิจฉัยว่า ตระกูลชินวัตร มีทั้งนักการเมืองและไม่ใช่นักการเมือง หากจะอภิปรายก็เจาะจงไปเลย ยังไงก็หลีกเลี่ยงหน่อย นายสุรเชษฐ์ จึงกล่าวแย้งว่า ตนเองสับสนและตกลงจะให้ระบุทักษิณ ชินวัตรเหรอครับเพราะในญัตติก็ให้เอาชื่อออก นายพิเชษฐ์ จึงกล่าวว่าเอาชื่อออกแล้ว ถ้าท่านจะพูดทักษิณ ชินวัตรก็พูดไปเลย นายสุรเชษฐ์จึงแย้งว่า เมื่อสักครู่นายก่อแก้วให้ระบุตรงๆ ไปเลยว่านายทักษิณ ชินวัตร นายพิเชษฐ์จึงกล่าวตอบโต้ว่า “ท่านก็ระบุไปเลย ถ้าท่านอยากระบุ และให้รับผิดชอบเอง”

ขณะที่นายก่อแก้ว อภิปรายแย้งว่า นายสุรเชษฐ์ต้องไม่พาดพิงบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เพราะในการยื่นญัตติ ประธานสภาก็บอกแล้วห้ามระบุชื่อนายทักษิณ ชินวัตร และมีข้อห้ามว่าห้ามพูดชื่อนัยยะที่สังคมเข้าใจกันว่าคือบุคคลใด “เพราะนายใหญ่ทุกคนทั่วประเทศรู้อยู่แล้วว่าคือนายผม ท่านสุรเชษฐ์ อย่าแกล้งโง่”

นายพิเชษฐ์ จึงขอวินิจฉัยว่า ที่เราตัดออกทั้งชื่อและบิดา เพราะคำว่านายใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจได้ ดังนั้นเรื่องของตระกูลชินฯ มีทั้งนักการเมืองและไม่ใช่นักการเมือง ที่เป็นผู้เสียหายซึ่งขอให้หลีกเลี่ยงด้วย

นายสุรเชษฐ์ จึงกล่าวโต้แย้งว่าตนเองยังสับสน ว่าตกลงแล้วจะให้ระบุชื่อหรือไม่ระบุชื่อ นายพิเชษฐ์จึงกล่าวย้ำว่า หากท่านจะระบุชื่อให้ระบุไปเลย และต้องเป็นผู้รับผิดชอบเอง หากมีการฟ้องร้องบุคคลภายนอก นายสุรเชษฐ์ จึงกล่าวว่า ถ้างั้นให้ระบุชื่อได้แต่หากมีการฟ้องร้องก็ต้องรับผิดชอบตัวเอง นายพิเชษฐ์จึงอธิบายว่าเขาไม่ให้ระบุชื่อบุคคลภายนอกในญัตติที่มีการเอาออกแล้ว หากยังฝืนและยังพูดอยู่ ก็แล้วแต่ท่าน ก็พูดไปเลย เชื่อว่าประชาชนเข้าใจหมด หากท่านยังจะก้าวร้าวต่อจากนี้ มันจะเป็นปัญหาสำหรับตัวท่าน ผมเตือนท่าน ก็พูดไปดีแล้ว ไม่ต้องระบุชื่อ หรือตระกูลเขา