“วรภพ” อภิปรายค่าไฟแพง เจอ “วันนอร์” แตะเบรกห้ามพูดถึง “ลุงตู่-พรรคเพื่อไทย” ด้าน “ไอซ์ รักชนก” วีน ประธานสภาฯ หันหลังเดินออกห้องประชุม หลังถูกปิดไมค์ห้ามพูด ประท้วงเหตุประธานไม่เป็นกลาง-สร้างมาตรฐานต่ำลง ด้าน “วันนอร์” แจงนั่งเป็นหัวหลักหัวตอไม่ได้

วันที่ 24 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 15.36 น. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทางนายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้กล่าวอภิปรายเรื่องค่าไฟแพง ว่า ประเทศต้องเสียค่าความพร้อมจ่าย ให้โรงไฟฟ้าเอกชนที่ไม่ได้เดินเครื่องถึง 55,042 ล้านบาทต่อปี ส่วนสาเหตุที่ค่าไฟไม่ลด เพราะรัฐบาลเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน ไม่ประกาศหลักเกณฑ์ และยังเปิดช่องไว้จิ้มเลือกให้กลุ่มทุนได้เลย ขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ยังมีการเร่งรีบลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 12 โครงการกับเพื่อนสนิท น.ส.แพทองธารและนายทักษิณ ชินวัตร บิดานายกฯ โดยไม่สนใจคำสั่งทุเลาชั่วคราวจากศาลปกครอง ที่จะทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ได้ นอกจากนี้พรรคเพื่อไทย ยังเคยวิจารณ์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าเป็นต้นเหตุทำให้ค่าไฟแพง แต่พอมาเป็นรัฐบาลกลับมาสานต่อลงนามซื้อไฟฟ้าเสียเอง และสานต่อกระบวนการค่าไฟแพงแบบไร้รอยต่อ

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องปรามนายวรภพว่าอย่าเอ่ยชื่อถึงบุคคลภายนอก เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ตอนนี้เป็นบุคคลภายนอกแล้ว แต่ให้ใช้คำว่าอดีตนายกรัฐมนตรีแทน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ขอประท้วง แต่นายวันมูหะมัดนอร์ แย้งว่าขอให้ตนพูดให้จบก่อน เพราะเห็นว่าการพูดถึงพรรคการเมืองไม่เป็นธรรมกับพรรคที่ถูกกล่าวหา นายปกรณ์วุฒิ จึงกล่าวว่า น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย จะไม่เกี่ยวข้องกันเลยใช่หรือไม่ เพราะเป็นแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าอาจจะไม่เป็นธรรมกับสมาชิกของพรรค เพราะพรรคไม่เกี่ยว เดี๋ยวจะหาว่าไม่เป็นธรรม เพราะข้อบังคับให้พูดแต่ในญัตติ หากไปแตะผมก็ไม่ยอม จึงขอความกรุณาด้วย นายปกรณ์วุฒิ จึงกล่าวต่อว่า เราลงเลือกตั้งในนามพรรคการเมือง หากพูดชื่อพรรคไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าจะมีสภาฯ ไว้ทำไม นายวันมูหะมัดนอร์จึงกล่าวว่าไม่ใช่ไม่ได้ เพราะถ้าเกิดความเสียหายมันก็ไม่ได้ อย่าเถียงเลย เพราะวินิจฉัยแล้ว ขออย่าเอ่ยชื่อพรรค

...

นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน ขอให้ประธานทำหน้าที่เป็นกลาง นายวันมูหะมัดนอร์จึงกล่าวโต้แย้งว่า กำลังจะกล่าวหาว่าตนเองไม่เป็นกลางหรือไม่ นายเอกราชจึงย้ำว่าไม่เป็นกลาง ฟังมาตั้งแต่เช้า นายวันมูหะมัดนอร์จึงโต้แย้งว่าประธานต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ให้สมาชิกตำหนิได้ อย่าเอาประเด็นนี้มาพูดให้เสียหาย ไม่เคยมีความตั้งใจเป็นอย่างที่คุณว่า กรุณานั่งลง แต่นายเอกราช กลับโต้แย้งต่อ ว่าประธานต้องวางตัวเป็นกลาง เพราะหากจะพูด สมาชิกต้องรับผิดชอบ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่ามาตรฐานอยู่ที่ข้อบังคับ

ด้าน น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน ได้ลุกขึ้นประท้วงการทำหน้าที่ของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ด้วยข้อบังคับข้อที่ 9 ขอให้ประธานวางตัวเป็นกลาง และควบคุมการประชุม

น.ส.รักชนก กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มการประชุมสภาฯ ในช่วงเช้า ประธานสภาฯ กลับมีมาตรฐานในการทำหน้าที่ที่ต่ำลง ทันใดนั้นเอง ประธานสภาฯ จึงกดปิดไมค์ น.ส.รักชนก ทันที พร้อมระบุว่า เป็นญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เลยมีการปล่อยให้อภิปรายไปบ้าง เพราะมีข้อยกเว้นเรื่องการเอาภาพและรูปมาแสดง

นายวันมูหะมัดนอร์ ยืนยันว่า ตนเองไม่อาจทำให้สภาฯ นี้ตกต่ำลงได้ เพราะอยู่มานาน จึงต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของสภาฯ พร้อมสั่งให้ น.ส.รักชนก นั่งลง และย้ำว่าตนเองทำหน้าที่เป็นกลาง จน น.ส.รักชนก เกิดอาการไม่พอใจและหันหลังเดินออกจากห้องประชุมทันที

ต่อมา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม วิปฝ่ายค้าน ได้ลุกขึ้นหารือการทำหน้าที่ของประธานสภาฯ ย้ำว่า สมาชิกได้ตระหนักถึงข้อบังคับข้อที่ 69 ในการกล่าวพาดพิงถึงบุคคลนอก ยืนยันว่า จะขอรับผิดชอบเองหากมีการกล่าวถึง เพราะไม่ต้องการให้ประธานสภาฯ ย้ำบ่อยครั้งเมื่อมีการอภิปราย ขอทำหน้าที่อย่างเต็มที่

ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ชี้แจงว่า สมาชิกต้องรับผิดชอบเนื้อหาในการอภิปรายอยู่แล้ว ส่วนประธานสภาฯ ก็ต้องรับผิดชอบด้วย เพราะเป็นผู้ควบคุมการประชุม ไม่ได้หมายความว่า หากสมาชิกรับผิดชอบแล้ว ประธานจะนั่งเป็นหัวหลักหัวตอได้ และอยากให้การประชุมดำเนินไปอย่างเรียบร้อย

ภาพ : ธนัท ชยพัทธฤทธี