พรรคเพื่อไทยเผย สส.ย้ำป้องกันเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยเห็นชอบรายงานของกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย เสนอแนวทาง ครม.ผลักดันกฎหมายควบคุม
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจพรรคเพื่อไทย (พท.) เผยแพร่ข้อมูลโดยระบุ สส.เพื่อไทย นำโดยนางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ นายธีระชัย แสนแก้ว สส.อุดรธานี นางฐิติมา ฉายแสง สส.ฉะเชิงเทรา นายทรงยศ รามสูต สส.น่าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ และนพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ สส.ศรีสะเกษ ร่วมอภิปรายรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีแนวคิด และวิธีการเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างหลากหลาย แต่ทั้งหมดมีแนวร่วมเดียวกันคือ ต้องปกป้องเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากบุหรี่ไฟฟ้า
นางสาวลิณธิภรณ์ อภิปรายว่า ประเทศไทยมีกฎหมายห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า แต่กลับพบว่า มีการขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างกว้างขวาง โดยในปี 2565 พบว่า มีผู้เจ็บป่วยเพราะบุหรี่ไฟฟ้าถึง 7 แสนคน และยังมีข้อมูลว่า เด็กและเยาวชนติดบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ในฐานะทำงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนขอชื่นชมคณะทำงานคณะกรรมาธิการฯ ที่เสนอแนวทางแก้ไขอย่างละเอียดและขอชื่นชมรัฐบาล ที่นำโดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ที่ออกมาตรการระยะสั้นปราบปรามการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กเยาวชนและยังร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการออกประกาศแนวทางปฏิบ้ติเมื่อพบบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้ครูสามารถตรวจดูแลนักเรียนในสถานศึกษาได้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีความจริงจังในการแก้ไขปราบปรามอย่างจริงจังคือ การตรวจจับโกดังบุหรี่ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ในพื้นที่นนทบุรี นอกจากนี้ ยังประสานกรมศุลกากรตรวจซีลชายแดนไม่ให้มีการขนส่งบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาจากชายแดนอีกด้วย
...
นายธีระชัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มักมีคำกล่าวกันว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยให้เลิกการสูบบุหรี่มวนได้ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่แพร่หลายกันไปจำนวนมาก จนทำให้พี่น้องประชาชนพากันสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพราะเข้าใจว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย อีกทั้งบุหรี่ไฟฟ้ายังมีการปรุงแต่งรสชาติ กลิ่นเย้ายวนใจจนน่าห่วงมากเพราะเยาวชนไทยอยู่ในวัยอยากลอง จึงทำให้เด็ก เยาวชน ตกเป็นกลุ่มเสี่ยงในการเสพบุหรี่ไฟฟ้าเหล่านี้ และยังพบว่า ยิ่งเด็กยิ่งมีความเสี่ยงยิ่งสูบบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนั้น ยังพบว่า มีเด็กผู้หญิงสูบมากกว่าเด็กผู้ชายด้วยซ้ำ จึงต้องขอฝากบ้านเมืองให้เร่งปราบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจังและเร่งด่วนต่อไป
นางฐิติมา อภิปรายว่า การปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าเป็นภาระใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันปราบปราม แต่มีกระทรวงหนึ่งต้องไม่ละเลยช่วยดูแลคือ กระทรวงดีอี (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม) เพราะทุกวันนี้ จะพบว่า มีการโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้าตามโซเชียลมีเดีย เด็กเยาวชนสามารถสั่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้าผ่านออนไลน์ได้เหมือนซื้อขนม ดังนั้น การขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ต้องปราบปรามให้เต็มที่และต้องขอฝากเรื่องนี้ ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้เอาจริงเอาจังในการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและถ้าไม่ลืมท่านรัฐมนตรีเองเคยเป็นถึงผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาก่อนย่อมทราบดีถึงแนวทางการทำงานด้านการปราบปรามน่าจะเข้าใจได้เป็นอย่างดีจึงขอฝากให้ดูแลเด็กและเยาวชนอย่างเข้มงวดด้วย
นายทรงยศ กล่าวว่า ตั้งข้อสังเกตถึงข้อกฎหมายว่า เพราะกฎหมายไทยยังไม่ได้บัญญัติคำว่า บุหรี่ไฟฟ้า การนำเข้าจึงผิดกฎหมาย แต่ในส่วนของบุหรี่ไฟฟ้า ในส่วนผู้เสพ สูบ ครอบครอง ซึ่งผู้ครอบครองยังไม่มีความผิดและยังไม่ใช่ของต้องห้าม ยังไม่ใช่สินค้าควบคุม แต่ผิดในเรื่องการนำเข้าของที่ไม่ได้เสียภาษีผิดกฎหมาย โดยกฎหมายนี้ สามารถยึดของกลางและตกลงกันได้ ทำให้ผู้เสพไม่มีความผิด จึงสนับสนุนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ตั้งแต่การนิยามคำว่า บุหรี่ไฟฟ้า โดยอาจมีกฎหมายเฉพาะยกร่างขึ้นมาใหม่ เพื่อดูแลและแก้ปัญหาได้อย่างรอบด้านครอบคลุม
นพ.ทศพร กล่าวว่า ตนทำงานใกล้ชิดกับเด็ก เยาวชน ได้ไปโรงพยาบาลสตึกบุรีรัมย์เยี่ยมนักเรียนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจนไม่สบาย มีอยู่หลายคน แต่มีคนหนึ่งอาการหนักกว่าจนต้องส่งโรงพยาบาลศูนย์และยังได้ไปสถานีตำรวจภูธร ไปดูบุหรี่ไฟฟ้า น้ำกะท่อมที่จับได้จากร้านค้าที่อยู่ไม่ไกลจากสถานีตำรวจ และได้ไปเยี่ยมนักเรียนอีกคนหนึ่งอยู่ชั้น ป.6 ทราบว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้ามาตั้งแต่ ป.4 เด็กเล่าว่า ตอนหัดสูบเห็นพี่ๆ สูบแล้วเท่ดี จึงไปขอสูบด้วย จากนั้น หุ้นกับเพื่อนซื้อบุหรี่มาแอบสูบห้องน้ำโรงเรียนบ้าง บ้านเพื่อนบ้าง นี่คือสภาพสถานการณ์จริงในสังคม ทราบหรือไม่ว่า คนที่เจ็บป่วยหนักจากบุหรี่ จะตายก็ตายไม่ได้ต้องหายใจอยู่ทั้งที่หายใจไม่ค่อยออก ทรมาน เจ็บปวดทั้งตนเอง เจ็บปวดครอบครัว ค่ารักษาพยาบาลมหาศาล ภาษีบุหรี่ที่ได้ไม่มีทางเทียบได้กับค่ารักษาพยาบาลที่รัฐต้องจ่ายเพื่อรักษา เวลาประชุมคณะกรรมาธิการ เชิญหมอมาคุยทุกคนแทบจะลุกหนีหมดและบางคนก็บอกว่าทำไมเวลาพูดถึงบุหรี่ไฟฟ้า พูดถึงแต่เรื่องไม่ดี ทำไมไม่พูดถึงแต่เรื่องดีๆ อยากให้หามาพูดเหมือนกัน แต่เพราะหาข้อดีของบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ ถ้าหามาได้ก็ยินดีพร้อมพิจารณา
นพ.ภูมินทร์ ในฐานะหนึ่งในกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ได้นำเสนอแนวทางในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เป็น 3 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) ทุกประเภทเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย โดยเน้นการแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่ หรือ ออกกฎหมายใหม่ เพื่อห้ามการผลิต นำเข้า จำหน่ายและครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบทางสุขภาพ ปรับปรุงการบังคับใช้ให้เข้มงวดมากขึ้น
แนวทางที่ 2 ผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products: HTPs) เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยการแก้ไขกฎหมาย เพื่อควบคุมภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ประกาศกระทรวงพาณิชย์ คำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ออกกฎกระทรวงต่างๆ เพื่อควบคุม ไปจนถึงการโฆษณา การนำเข้าขาย มาตรฐานผลิตภัณฑ์ แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการนำเข้าศุลกากร ระเบียบกรมสรรพสามิต ช่วยให้กฎหมายมีประสิทธิภาพ เป็นทางเลือกของประชาชน ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกยาสูบ การแปรรูปผลผลิต และออกมาตรการการป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน
แนวทางที่ 3 บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) ยกเว้น toy pod ให้เป็นสิ่งที่ถูกควบคุมตามกฎหมาย โดยมีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้สามารถนำเข้า ผลิตและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ภายใต้การควบคุม ทั้งกฎกระทรวง ภาษีสรรพสามิต ซึ่งจะช่วยให้รัฐสามารถจัดเก็บภาษีและควบคุมมาตรฐานผลิตภัณฑ์ได้ เป็นทางเลือกให้ประชาชน ลดการทุจริตคอร์รัปชั่นจากช่องว่างทางกฎหมาย แต่ก็ต้องมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนอย่างเข้มงวดด้วย