“นายกฯ อิ๊งค์” เข้ากองทัพบกครั้งแรก ถกด่วนแก้ปัญหายาเสพติด - คอลเซ็นเตอร์ เผยยาเสพติดลดลงมาก เหตุจับได้เยอะ ทำยาบ้าราคาสูง เน้นเข้มป้องกันขนส่งทางเรือ ยันนายกฯ กัมพูชา พร้อมร่วมมือไทยปราบคอลเซ็นเตอร์ 100%
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 21 มี.ค. 2568 ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ปชด.) เพื่อติดตามการปราบปรามยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์
โดยมี พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะประธานกรรมการ ปชด. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะรองประธานกรรมการ ปชด. พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ร.อ.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอร.ตร.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ (ผอ.ศตคม.ตร.) และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) และพล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เข้าร่วม ทั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางเข้ากองบัญชาการกองทัพบก เป็นครั้งแรกของนายกฯ และไม่ได้ลงในวาระงานของทำเนียบฯ

...
จากนั้นเวลา 12.00 น. นายกฯ แถลงผลการประชุมว่า วันนี้ได้มาติดตามในเรื่องของยาเสพติด และได้ติดตามเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ต่อด้วยว่าดำเนินการถึงไหนแล้วบ้าง รวมถึงมีการพูดคุยกันเรื่องของยาเสพติดว่าดำเนินการถึงไหน เพราะความจริงตอนนี้เราจับกุมได้เยอะขึ้น และในเรื่องของการผลิตยาเสพติดยังมีมากอยู่ แต่ต้องขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ตั้งแต่แนวขอบชายแดนเข้ามาถึงข้างใน เราสามารถดูแลเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี และตอนนี้ที่ทราบมาทางท่านผบ.ทหารสูงสุดได้รายงานว่าในเรื่องของราคายาบ้าเพิ่มสูงมากขึ้น ก็แปลว่าตอนนี้หายากมากขึ้นในพื้นที่จังหวัดต่างๆ และตนเป็นห่วง ซึ่งทุกท่านดูแลในหน่วยงานของตัวเองอย่างดีมาก ทำให้ยาเสพติดลดลงอย่างมาก แต่ว่าสิ่งที่ต้องทำต่อ คือเรื่องของการบำบัด เพราะในหลายจุด พอมีการจับกุมแล้วก็อยากให้ผู้ที่เสพยาหายจากการติดยาเสพติดและกลับคืนสู่เข้าสังคม ฉะนั้น ต้องช่วยกันหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และยังมีเรื่องของการดูแลทางเรือ และอากาศด้วย ซึ่งในที่ประชุมรายงานว่าเรื่องยาเสพติด ยาไอซ์ ยาเค ประเทศไทยจะถูกใช้เป็นทางผ่านไปประเทศอื่นๆ ฉะนั้นทางเรือจะต้องดูแลเรื่องนี้อย่างเข้มข้นมากขึ้น
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนในเรื่องของทางอากาศ เราเตรียมพร้อมรับมือไว้ พอเราจับกุมทางไหนมากหน่อย เข้มข้นหน่อยก็จะไปโผล่อีกทางหนึ่ง ฉะนั้นทางเหล่าทัพร่วมมือประสานกันว่าในแต่ละส่วนจะต้องดูแลเรื่องนี้เป็นอย่างดี และยังมีในเรื่องของการจัดซื้อจัดจ้างที่ผ่านมาแล้วตั้งแต่รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ในเรื่องเครื่องตรวจจับยาเสพติด (MobileTrace) เมื่อรถผ่านจะเห็นยาเสพติดชัดเจนขึ้น ก็จะสามารถจับกุมและระงับได้รวดเร็วขึ้น ถือเป็นการรายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งตอนนี้อยู่ในทิศทางที่ดีมากๆ และเดี๋ยวเร็วๆ นี้จะมีการทำลายยาเสพติดอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งตอนนี้ทุกหน่วยงานทำงานกันอย่างบูรณาการมาก จึงเห็นผลที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเส้นทางที่จะพบยาเสพติดมาก คือภาคเหนือตอนบน ก็ยังเข้มข้นกันอยู่
เมื่อถามว่า มีการกำหนดกรอบเวลาหรือไม่ว่ากี่เดือนจะต้องเห็นผล นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้เห็นผลได้ชัดเจนแล้วในหลายๆ พื้นที่ แต่เราพยายามจะทำให้ทุกๆ ที่ครบวงจร คือ จับแล้วมีการบำบัด และทำลายยาเสพติดด้วยให้ครบทั้งหมด ตอนนี้เห็นผลชัดเจนขึ้นเยอะมาก แต่ว่าเราเองจะต้องติดตามในเรื่องของผลงานไปเรื่อยๆ ทุกเดือนอยู่แล้ว ก็น่าจะจะเห็นผลที่แตกต่างขึ้นได้ชัดเจน
เมื่อถามต่อว่า มีการพูดคุยถึงเรื่องการปราบปรามเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชาเพราะคนไทยถูกหลอก นายกฯ กล่าวว่า ส่วนตัวทางนายกฯ ไทย และนายกฯ กัมพูชาพูดคุยกันว่าเราพร้อมใจกันให้ความร่วมมือเรื่องนี้ เป็นสิ่งที่ทางกัมพูชาให้ความร่วมมือ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งขอความร่วมมือไปอย่างไรในระดับของกลุ่มทำงาน ก็สามารถติดต่อกันได้ตลอด และช่วยเหลือกันได้ตลอด และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้วยว่า ปัญหาอย่างไรบางที่ยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นก็คงจะต้องมีการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนด้วยเช่นกัน โดยจะมีการประชุมกันอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เรื่องของคอลเซ็นเตอร์ปราบปรามไปได้เยอะมากๆ แล้ว แต่เราอยากให้หมดไปจริงๆ อย่างที่ได้รับรายงานจากพล.ต.อ.ธัชชัย ว่ายังมีย่อยๆ เล็กๆ อยู่ แต่เราก็อยากให้หมดไปในเรื่องนี้ ฉะนั้นคงต้องขอความร่วมมือเพิ่มเติมจากเอกชนด้วย

เมื่อถามอีกว่า มีข้อสังเกตว่าคนไทยถูกหลอกจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา แต่รัฐบาลใช้มาตรการเข้มข้น เฉพาะพื้นที่ชายแดนไทยเมียนมาจังหวัดตาก นายกฯ กล่าวว่า ฝั่งเราทำก่อน เข้มข้นอยู่แล้ว แต่พอเราขอความร่วมมือไปเขาก็พร้อมที่จะเข้มข้นกับเรา และให้ความร่วมมือกับเรา การทำงานไม่ได้ติดปัญหาว่ากัมพูชาไม่ได้ร่วมมือ เขาร่วมมือกันอย่างดีและตอนนี้เราทราบต้นตอของปัญหาต่างๆ มาเยอะแล้ว และกำลังทำให้มันจบอยู่
เมื่อถามอีกว่า แต่ความคืบหน้าการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชาน้อยมาก เพราะมีคนไทยร่วมขบวนการหลายพันคน แต่ล่าสุดนำออกมาได้แค่ร้อยกว่าคน เพราะเป็นพื้นที่ควบคุมเบ็ดเสร็จของรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งมีการมองกันว่าไม่น่าจะยุ่งยาก แต่กับล่าช้ากว่าชายแดนอำเภอแม่สอด จ.ตาก นายกฯ กล่าวว่า มันก็ไม่ยาก ตอนนี้เขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และที่นำกลับมาเราก็กระจายให้ดำเนินคดีเรียบร้อย ไม่ได้ติดขัดปัญหาอะไร ก็ค่อยๆ ทำอยู่เรื่อยๆ ประสานงานกันอยู่
ขณะที่พล.ต.อ.ธัชชัย ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เรื่องของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายกฯ ได้มอบหมายให้ไปพูดคุยกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 2 สัปดาห์ ซึ่งตอนนี้อยู่ในกระบวนการที่เรามีการพูดคุยกัน และจะมีการดำเนินการขับเคลื่อนต่อไป ซึ่งทางการกัมพูชาจะมีการระดมกวาดล้างให้กับเรา เดี๋ยวต้องรอดูช่วงเวลา ซึ่งทางกัมพูชามีกฎหมายของเขาในการออกหมายค้น และในการดำเนินการต่างๆ แต่ในทางปฏิบัติในตอนนี้ยังไม่พบปัญหา
เมื่อถามว่า วันนี้มากองทัพบกได้มีการพูดคุยเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านกองทัพภาคที่ 2 ที่มีความตึงเครียดกันอยู่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราพูดคุยเรื่องคอลเซ็นเตอร์กับยาเสพติด แต่เรื่องที่สื่อมวลชนถามเป็นเรื่องที่ทางกองทัพดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าแต่ในส่วนของนโยบายนายกได้พูดคุยกับนายกฯ กัมพูชาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ได้คุยค่ะ เป็นเรื่องระหว่างกองทัพกับกองทัพคุยกัน แต่ตัวนายกฯ ยังไม่ได้คุย เน้นพูดคุยเรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นปัญหาโดยตรงกับทางกัมพูชา”
เมื่อถามอีกว่า นายกฯ มาเยือนกองทัพบกครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ดีค่ะ ยังไม่เคยมา มาก่อนเลย ซึ่งการมาประชุมทุกท่านเตรียมหัวข้อ และข้อมูลมาเต็ม เพราะเราไม่ได้มาอย่างเป็นทางการ เป็นการมาประชุมเรื่องเร่งด่วนก่อนเพราะเป็นวาระแห่งชาติ ฉะนั้นเรื่องนี้วันนี้ได้ผลและเป็นที่น่าพอใจมาก เพราะทุกหน่วยที่ได้มีการสั่งการไปแล้ว ทำงานอย่างเข้มข้นจริง ทั้งผบ.สูงสุด และเลขาป.ป.ส.ไปลงพื้นที่จริง นอนอยู่ที่นั่นจริงๆ เห็นจริงๆ ว่าปัญหาอะไรบ้างที่เราจะสามารถแก้ไขได้ ฉะนั้นหัวหน้าลงหน้างานจริงๆ เราแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว และถูกจุดขึ้นแน่นอน
จากนั้น ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา จึงทำให้การแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่คืบหน้าเท่าที่ควร โดยนายกฯไม่ได้ตอบคำถาม

นายกฯ ถก “ดีอี-ตร.-กสทช.” หามาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากต้นตอ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวีตผ่าน X ว่า หนึ่งในสาเหตุของปัญหาคอลเซ็นเตอร์ คือ เรื่องซิมโทรศัพท์ สายสัญญาณ และเสาสัญญาณ ที่ตรวจสอบพบการนำไปใช้ในทางที่ผิด
วันนี้ดิฉันจึงได้เชิญนายประเสริฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ และ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มาพูดคุยหารือร่วมกันเพื่อหามาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากต้นตอจริง ๆ เพราะที่ผ่านมา ถึงแม้หน่วยงานความมั่นคงจะมีการปราบปรามอย่างเด็ดขาด แต่ยังมีการลักลอบและแอบใช้สัญญาณจากซิมเถื่อน รวมถึงการต่อสายสัญญาณแบบผิดกฎหมาย
จึงต้องหารือทาง กสทช. เรื่องการกำกับดูแลบริษัทผู้ให้บริการด้านเครือข่ายต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งการลงทะเบียนซิม การตรวจสอบสายสัญญาณที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนลดขนาดเสาสัญญาณที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็นในพื้นที่ชายแดน ซึ่งจะทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่มีสัญญาณในการกระทำความผิดได้
นอกจากนี้ ยังหารือถึงการบูรณาการข้อมูล ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. ในข้อมูลของผู้กระทำความผิด เพื่อขอให้ทาง กสทช. ตัดสัญญาณได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงทีค่ะ
เชื่อว่าการร่วมมือ บูรณาการทำงานร่วมกัน และการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ทุกคน จะทำให้คอลเซ็นเตอร์หมดไป พี่น้องประชาชนกลับมารู้สึกปลอดภัยในการใช้ชีวิตอีกครั้งค่ะ
หนึ่งในสาเหตุของปัญหาคอลเซ็นเตอร์ คือ เรื่องซิมโทรศัพท์ สายสัญญาณ และเสาสัญญาณ ที่ตรวจสอบพบการนำไปใช้ในทางที่ผิด
— Ing Shin (@ingshin) March 21, 2025
วันนี้ดิฉันจึงได้เชิญท่านประเสริฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. กระทรวงดิจิทัลฯ , พล.ต.อ ธัชชัย รอง ผบ.ตร. และนพ. สรณ ประธาน กสทช. มาพูดคุยหารือร่วมกันค่ะ… pic.twitter.com/rPqLDkLgHB