“ทวี” ยันส่งกลับ “อุยกูร์” ยึดหลักกฎหมาย-หลักสากล อยู่ดีทุกคน ติง สส.-สว.อย่าชักศึกเข้าบ้าน โยนกระทรวงการต่างประเทศทำความเข้าใจต่างชาติ

วันที่ 21 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการเดินทางไปเยี่ยมเยือนชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับมณฑลซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ยืนยันว่าการตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศได้ยึดหลักความถูกต้องตามกฎหมายไทย และหลักสิทธิมนุษยชน ที่สำคัญเรานำ พ.ร.บ.ป้องกันการปราบปรามการซ้อมทรมาน หรืออุ้มหายมาพิจารณาร่วมด้วยในบทบาทของ รมว.ยุติธรรม ที่ดูเรื่อง พ.ร.บ.อุ้มหาย เราก็ต้องไปเพราะมีคนสงสัยว่า ถ้าส่งกลับไปเป็นการทรมานหรือไม่ จึงต้องไปดูแต่เนื่องจากมณฑลซินเจียง มีชาวอุยกูร์อยู่ในหลายเมืองเฉลี่ยกันไป และการเดินทางต้องใช้เวลา ทางคณะจึงไปดูได้ตามที่เราต้องการ ไม่พบการถูกบังคับใดๆ

พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่ารัฐบาลจีนเปิดกว้างและให้เราถามอย่างเสรี โดยจัดล่ามภาษาอุยกูร์และภาษาจีนให้กับเราเท่านั้น เมื่อถามว่า ได้เจอเพียงบางคน จะสามารถตอบว่าทุกคนที่ถูกส่งกลับไปปลอดภัยได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เขาเป็นประเทศอธิปไตยที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปเยี่ยมเยือนไปตรวจสอบ และเขาก็รับปากว่า หลังจากนี้จะให้รัฐมนตรีต่างประเทศและคณะเข้าไปติดตามได้ซึ่งประเทศจีนเป็นประเทศที่อยู่ในสหประชาชาติเมื่อเขารับรอง ถือเป็นส่วนที่เชื่อมั่นได้ ส่วนที่บางคนยังกังขา เราก็คงชี้แจงให้เห็นว่า เราทำไปตามหลักสิทธิมนุษยชน และก่อนจะส่ง เขาก็เซ็นชื่อสมัครใจทุกคนก็ครบทุกประเด็นแล้ว

ติงอย่าชักศึกเข้าบ้าน

“ผมอยากฝากทุกคนว่า เราอาจจะมีความขัดแย้ง แต่ในรัฐธรรมนูญทั้ง สส.และ สว.เป็นตัวแทนของประชาชนแล้ว ต้องคิดถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศด้วย บางครั้งการนำเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศโดยที่ตัวเองอาจมีความเชื่อแบบหนึ่ง ก็พูดได้ แต่อยากให้ตรวจสอบความเป็นจริงด้วย เท่าที่เราไปดู ทุกคนก็ยิ้มแย้ม ที่สำคัญคือ คนที่เป็นพ่อแม่ ทุกคนพยายามจะโผเข้ากอดตน ที่เอาลูกเขามาคืน ส่วนลูกก็ดีใจ มีคนหนึ่งที่มีลูก ลูกเขาโตแล้ว เขาก็ดีใจที่พ่อเขากลับมา และเราก็ได้ยืนยันแค่ว่าเราเคารพสิทธิ์ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด” รมว.ยุติธรรม กล่าว

...

โยน กต.แจงต่างชาติ

เมื่อถามว่า ถูกโจมตีในเรื่องนี้ เมื่อได้ไปดูสถานที่จริง มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อยากให้แยกให้ออกทั้ง อียูและสหรัฐฯ ในเรื่องการค้า ก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำความเข้าใจ เราคงเอามาเทียบกับความยิ่งใหญ่ของความยุติธรรมไม่ได้ ความยุติธรรมไม่ว่าคนตัวเล็กตัวน้อย หรือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราต้องให้คุณค่า ส่วนเรื่องที่บางประเทศไม่เข้าใจนั้น กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเป็นผู้ชี้แจง แต่ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่า ได้ทำตามกฎหมายและหลักสากล คือมนุษย์ทุกคน มีคุณค่า มีความสำคัญ มีศักดิ์ศรี วันนี้เหมือนให้เขามีชีวิตใหม่ที่เขาอยู่ในห้องกักขังในประเทศไทยมา 11 ปี และในห้องมีพันกว่าคน ตนไม่อยากใช้คำว่า สิทธิมนุษยชนหายไป แต่เอาความสะใจหรือสร้างความเกลียดชังมาพูดซึ่งเป็นสิ่งไม่ดี เพราะรัฐบาลไทยนึกถึง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประโยชน์ของประเทศชาติ และประโยชน์ของส่วนรวม

ส่วนที่นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องภาพผู้หญิงชาวอุยกูร์ ที่เป็นชาวมุสลิมมาโผกอดผู้ชายได้อย่างไร พ.ต.อ.ทวี ย้อนถามว่า“คุณกัณวีร์ เป็นมุสลิมหรือเปล่า” เพราะที่เราไปเห็นมัสยิดอีหม่าม อายุกว่า 500 ปี และมุสลิมในจีนส่วนใหญ่ไม่สวมฮิญาบกันน้อย ซึ่งการที่เขามาโผกอดเหมือนผู้ใหญ่ผู้น้อยไม่มีอะไร ต้องสงสัย ต้องถามสื่อที่ไปดีกว่า และแต่ละพื้นที่ก็มีอัตลักษณ์ของเขา อย่างประเทศไทย มุสลิมช่วงหลังๆ ก็คลุมฮิญาบ และบางประเทศที่เป็นประเทศมุสลิมก็ไม่ได้คลุมฮิญาบ ส่วนการที่เข้ามาสวมกอดผู้ชายนั้น เราก็ป้องกันเต็มที่แล้ว แต่เขาต้องการเข้ามาแสดงความรู้สึกและร้องไห้