“ภูมิธรรม” เดินสายเยี่ยมชาวอุยกูร์หลังถูกส่งจากไทยกลับจีน ยืนยันปลอดภัยดี มีเสรีภาพ 100% รัฐบาลดูแลเต็มที่ ไม่เคยเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือ “ทวี” ยัน ไทยทำตามกฎหมาย คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ชาวอุยกูร์รุ่นปี 58 บอก กลับมาชีวิตดี ไม่ต้องห่วง

วันที่ 19 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 11.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ณ เรือนรับรอง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารส่วนราชการ พบปะหารือกับ นายฉี หยานจุน รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรคและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการและการดูแลชาวอุยกูร์ที่ส่งกลับของจีน เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา

นายฉี กล่าวว่า ยินดีที่ไทยพาคณะมาในครั้งนี้ พร้อมเปิดให้พบกับชาวอุยกูร์ โดยจีนขอชื่นชมรัฐบาลไทยที่ร่วมกันแก้ปัญหานำ 40 คนส่งกลับมา พวกเขาอยู่ประเทศไทย 10 กว่าปี บางคนมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เจ็บป่วย วันนี้รัฐบาลจีนพยายามให้การช่วยเหลือให้คนเหล่านี้กลับมามีชีวิตปกติ มีบางประเทศติฉินนินทาความร่วมมือระหว่างไทยและจีน ทั้งที่บังคับใช้กฎหมายปกติ พร้อมบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี ที่ทั้ง 2 ประเทศดำเนินการอย่างเข้มข้น สำหรับคนที่เข้าประเทศที่ 3 ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราต้องทำหน้าที่นี้ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง และต้องขอความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างเหมาะสมในการดำเนินการตามกฎหมายของทั้ง 2 ประเทศและกฎหมายสากล

ส่วนสถานการณ์ในซินเจียงขณะนี้มีความปลอดภัย ชนเผ่าต่างๆ สามัคคีกัน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกำลังเดินหน้าไปด้วยดี เรากำลังเข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งปี 2024 ซินเจียงต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้โลกรู้ว่าเรามีความปลอดภัยมั่นคง การไปเยี่ยมทั้ง 40 คนเกรงว่าเวลา 2 วันอาจไม่พอ แต่เราจะพยายามเต็มที่ให้ได้เจอมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บางประเทศบอกว่ามีการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับชาวอุยกูร์ ไม่เป็นความจริง ความจริงคือความจริง ทุกคนจะได้เห็น ประตูซินเจียงเปิดต้อนรับ ทุกคนจะได้รู้ว่าซินเจียงเป็นอย่างไร ขอให้ทั้งหูและตาที่ท่านได้เห็นสื่อสารเรื่องจริงออกไป เพื่อต่อสู้กับการโจมตีจากประเทศที่ 3

...

ขอบคุณจัดวิดีโอคอลคุยคนกลับปี 58

ทางด้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอฝากความระลึกถึง นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ที่สั่งการให้ทุกท่านมาช่วยสนับสนุนและต้อนรับพวกตนอย่างมีเกียรติ การเดินทางมาครั้งนี้นอกจากกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคงที่มีร่วมกันมาอย่างดีตลอดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการก่อการร้าย การหลอกลวงทางโทรคมนาคม และการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย วัตถุประสงค์ที่ 2 คือการมาเยี่ยมเยียนชาวอุยกูร์ที่ทางการไทยส่งกลับเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ และทางการจีนก็อนุญาตให้ทางการไทยสามารถเยี่ยมเยือนได้ตามที่ 2 ประเทศตกลงไว้ เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบถึงการตัดสินใจของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ที่ร่วมดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายสิทธิมนุษยชน รวมถึงเรื่องต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาวอุยกูร์ที่อยู่ในประเทศไทย ตนมาเยือนและอยากได้คำตอบ

ทั้งนี้ เราทราบว่าซินเจียงเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ก็น่าจะดีกับตัวเขาที่กลับมา และดีกับ 2 ประเทศที่ได้ตัดสินใจในครั้งนี้ และเราก็อยากรู้สภาพเขาที่กลับมา มีการรักษาพยาบาลอย่างไร ความเป็นอยู่อย่างไร ถ้ามีการฝึกฝนอาชีพต่างๆ เพื่อให้เขาสามารถดำรงตนมีชีวิตอยู่ในสังคมแห่งใหม่ที่เป็นบ้านเกิดของเขาที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นก็เป็นเรื่องดี ขอบคุณที่พยายามให้เราได้มีโอกาสพบและพูดคุยมากขึ้นกับชาวอุยกูร์ โดยจัดวิดีโอคอลให้พูดคุยกับผู้ที่อยู่ห่างไกล การมาครั้งนี้จุดประสงค์หลักคืออยากรู้ถึงชีวิต 40 ชาวอุยกูร์ และทราบว่าทางการจีนจะให้เรามีโอกาสได้พบกับชาวอุยกูร์ที่มาเมื่อปี 2558 ซึ่งถ้าได้พบก็ยินดีและขอบคุณ

ลั่น ตัดสินใจถูกส่งตัวกลับบ้าน

จากนั้น นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี แยกคณะกันออกไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ได้รับการปล่อยตัวมา โดยทันทีที่นายภูมิธรรมเดินทางถึงหน้าบ้าน ชายชาวอุยกูร์ได้มารอต้อนรับ พร้อมกล่าวว่าการได้กลับมาบ้านรู้สึกดี เพราะ 10 กว่าปีที่จากไปบ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก เดิมเคยพักอยู่ในพื้นที่ที่มีแผ่นดินไหว แต่ปัจจุบันรัฐบาลจีนมาสร้างที่อยู่ให้ใหม่ นายภูมิธรรม สอบถามว่าทำไมถึงตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศไทย ได้รับคำตอบว่ามีผู้ชักชวนบอกว่าถ้าเดินทางไปต่างประเทศแล้วชีวิตจะดีกว่าอยู่ที่นี่ แต่พอไปแล้วรู้สึกเสียใจ เพราะรู้ว่าแท้จริงแล้วความสุขอยู่ที่บ้าน และก่อนกลับมารู้สึกกังวลกลัวว่าจะถูกคุมตัว แต่เมื่อกลับมาแล้วปลอดภัย ที่หมู่บ้านก็ไม่มีใครดูถูก รับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ขณะนี้ได้มาทำหน้าที่พ่อครัวในร้านอาหารของน้องสาว จากนั้นชายชาวอุยกูร์ได้โชว์บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ที่ได้รับจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ และจะได้รับเงินชดเชยการชดเชยเงินเดือนในช่วงที่ผ่านมาด้วย

ขณะที่ นายภูมิธรรม ได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้าน พร้อมย้ำว่าไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายจึงมีการกักตัว และขอโทษที่คุมตัวนานถึง 11 ปี เนื่องจากไม่มีประเทศใดทำหนังสือยืนยันขอรับตัวไป ขอโทษอีกครั้งหากได้รับความยากลำบากในระหว่างที่ถูกคุมตัว การมาครั้งนี้เพราะอยากมาเยี่ยมเยียน เมื่อมาเห็นท่านมีความสุขทุกคนก็สบายใจ รู้สึกว่าตัดสินใจถูกต้องในการส่งตัวกลับมา

ต่อมาเวลา 14.45 น. นายภูมิธรรม ไปเยี่ยมเยียนที่บ้านพักของชายชาวอุยกูร์อีก 1 คนซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อและพี่น้องรอให้การต้อนรับเช่นกัน โดยนายภูมิธรรมสอบถามว่าจดหมายที่ออกมาเป็นข่าว 3 ฉบับเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ เพราะไม่ประสงค์เดินทางกลับจีนนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ชายคนดังกล่าวยืนยันว่าไม่เคยเขียนจดหมายขอความช่วยเหลืออย่างที่เป็นข่าว แค่หวังว่าอยากจะกลับบ้านเร็วๆ ยืนยันว่าในช่วง 10 ปี ไม่มีประเทศที่ 3 หรือหน่วยงานไหนเข้าไปให้ความช่วยเหลือหรือขอรับตัวนอกจากทางการจีน

นอกจากนี้ นายภูมิธรรม สอบถามว่ามีคนไทยบางส่วนเป็นห่วงการกลับมาจีนของชาวอุยกูร์จะถูกทรมานและไม่ได้รับความปลอดภัย มีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร ชายชาวอุยกูร์ตอบว่า ก่อนหน้านี้รู้สึกกังวล หากถูกส่งตัวกลับมาจะถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งในช่วงท้ายนายภูมิธรรมเปิดโอกาสให้ญาติของชายชาวอุยกูร์กล่าวกับคนไทย โดยน้องสาว ขอบคุณที่ส่งตัวพี่ชายคืนสู่ครอบครัว รู้สึกดีใจเหมือนกับตนเองเป็นนางฟ้าได้รับการติดปีก ทั้งนี้ ตลอดการเยี่ยมเยียนทั้ง 2 ครอบครัวมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก เพราะคิดว่าคงต้องตายอยู่ที่เมืองไทย

ชายอุยกูร์ยันมีเสรีภาพ 100%

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนชาวอุยกูร์อีกจุด ชาวอุยกูร์กล่าวว่ากลับมาได้เห็นบ้านเกิดเมืองนอนเปลี่ยนไปมาก มีถนนหนทางที่ดีและกว้าง มีการพัฒนาที่ถูกต้อง ตนยังไม่ได้แต่งงาน แต่ครอบครัวก็ได้เตรียมห้องแต่งงานไว้ให้แล้ว ที่ผ่านมาตนไปหลงเชื่อคนชั่วจึงทำผิด ตอนนี้ชีวิตก็เป็นปกติแล้ว อยากแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง โดย พ.ต.อ.ทวี สอบถามว่าระหว่างที่ถูกกักอยู่ใน ตม.ไทย กับได้กลับมาบ้านแบบไหนดีกว่า ชายชาวอุยกูร์ตอบว่า 10 กว่าปีที่ไม่ได้อยู่บ้านรู้สึกเต็มไปด้วยความยากลำบาก ไม่เคยนึกว่าจะมีวันไหนได้กลับบ้าน ก็ต้องขอบคุณรัฐบาลจีน รัฐบาลไทย ที่ส่งกลับมา

พ.ต.อ.ทวี ยังถามด้วยว่า คนทั่วโลกยังเข้าใจผิดว่าคุณกลับมาบ้านจะทุกข์ทรมานทางจิตใจหรือถูกบีบบังคับทำร้ายร่างกายจิตใจ มีหรือไม่ ชายชาวอุยกูร์ตอบกลับว่า ช่วงที่ตนอยู่ข้างนอกมีคนบอกว่ากลับมาจะไม่มีเสรีภาพ หรือถูกขังคุกตลอดชีวิต ตนก็รู้สึกเครียด แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว เสรีภาพมากขึ้น 100% ไม่มีการบังคับอะไรเลย ได้ทานข้าวที่แม่ทำให้ทุกวัน รัฐบาลท้องถิ่นก็ช่วยดูแลครอบครัว รู้สึกขอโทษกับครอบครัวและรัฐบาลท้องถิ่น เพราะเขาดูแลเราเต็มที่ นี่คือความจริงใจ

“ทวี” บอกเห็นภาษากายตอบคำถามชัด

จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์ว่า การที่เขาอยู่ประเทศไทยมา 10 ปี ต้องอยู่ในห้องกัก เหมือนเขาถูกทรมานอย่างหนึ่ง ก็ทราบว่ารัฐบาลที่ผ่านมาอาจจะไม่กล้าตัดสินใจ แต่การตัดสินใจของรัฐบาลนี้อยู่บนพื้นฐานว่าเขาจะไม่ต้องถูกทรมาน เมื่อรัฐบาลจีนให้การรับรอง วันนี้ที่มาเยี่ยมเยือนสิ่งหนึ่งจะได้เห็นคือเขาได้อยู่กับครอบครัว มีความรู้สึกขอบคุณรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศที่ได้ดูแล วันนี้เราเห็นภาษากาย สีหน้าแววตาของครอบครัวแสดงออกถึงความตื้นตันใจที่ได้มีวันนี้เกิดขึ้น

เมื่อถามว่าผลลัพธ์ในวันนี้เราจะนำไปใช้อุทธรณ์กับการกดดันจากประเทศที่ 3 หรือไม่อย่างไรนั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า วันนี้ประเทศที่ 3 เขาเป็นประเทศใหญ่ เขาจะพูดอย่างไรเราเอาความจริงดีกว่า เชื่อว่ารัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเรามีความจริงใจ ผู้สื่อข่าวถามต่อ มีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการจัดฉาก วันนี้มาเจอตัวจริงแล้วรู้สึกอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้ทุกคนก็มาพร้อมกันหมด ถ้าคนที่ไม่ได้พบกับภาษากาย มาดูความเป็นอยู่อย่างวันนี้ เขาก็ขอร้องว่าได้ล้มแพะตามความเชื่อของพี่น้องมุสลิม อยากจะขอเลี้ยงตอบแทนเพื่อขอบคุณทางรัฐบาล แต่ทางรัฐบาลจีนระบุว่าเราต้องเดินทางอีกร่วมชั่วโมงเพื่อไปพบกับอีกครอบครัวหนึ่ง แต่สิ่งนี้ก็คือการทำให้คนตายแล้วเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ เราก็ถือว่าเราได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

“ตอนตัดสินใจ เราคิดว่าเราทำถูกกฎหมายและถูกหลักจริยธรรม เพราะการปฏิบัติของรัฐบาลคือยึดกฎหมาย วิชาการ จริยธรรม และคำนึงถึงคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ วันนี้เราก็ได้ดูแลศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาแล้ว และยืนยันว่าเป็นไปตามหลักสากล”

ชาวอุยกูร์รุ่นปี 58 บอกกลับมาชีวิตดี ไม่ต้องห่วง

ในเวลา 17.50 น. นายภูมิธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี ได้วิดีโอคอลกับชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับมาจากประเทศไทยจำนวน 6 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับมาเมื่อปี 2558 ได้เล่าชีวิตหลังกลับมายังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ว่า ได้กลับมาเมื่อ 10 ปีก่อน ก็ใช้ชีวิตปกติ ได้แต่งงานและมีลูกเล็กที่ตอนนี้มีอายุ 1 เดือน ทางการก็ช่วยสร้างบ้านให้ ตอนนี้ใช้ชีวิตปกติ มีวัวอยู่ 52 ตัว แพะ 2 ตัว เงินเดือน 5,400 หยวนต่อเดือน ชีวิตตอนนี้ปกติดีและเพิ่งสร้างบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนเหตุที่ออกจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เป็นเพราะตนนั้นเป็นวัยรุ่น มีคนที่มีความคิดร้ายแรงชวนให้เดินทางไปด้วย ก็ตามไป แต่เมื่อกลับมาแล้วชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเมื่อก่อน โดยนายภูมิธรรมสอบถามว่าอยากบอกอะไรไปยังคนไทยที่มีความเป็นห่วงบ้าง ชายชาวอุยกูร์ตอบว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างปกติ ไม่ต้องห่วง” พร้อมกันนี้ ก็ยังได้วิดีโอคอลไปยังคนป่วยที่ต้องนำเตียงขึ้นเครื่องบินกลับมา ซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ.