ครม. ไฟเขียวแก้กฎหมายความรุนแรงในครอบครัว เพิ่มโทษหนักขึ้นพร้อมปรับนิยามใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

วันที่ 19 มีนาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติรับหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ชี้แจงต่อที่ประชุม ครม. ถึงการปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เนื่องจากใช้มาเป็นระยะเวลานานกว่า 17 ปีแล้ว ซึ่งบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน กระทรวงจึงมอบหมายให้ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัวและป้องกันการกระทำผิดซ้ำ

นายวราวุธบอกด้วยว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวมีสาระสำคัญหลักในการแก้ไขเพิ่มเติมบางบทนิยามให้มีความชัดเจนและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยคำว่า "ความรุนแรงในครอบครัว" ให้ครอบคลุมไปถึงการล่วงเกินหรือคุกคามทางเพศ หรือการกระทำใดที่มุ่งประสงค์ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ สุขภาพ รวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียง ส่วนคำนิยามว่า "บุคคลในครอบครัว" ให้ครอบคลุมไปถึงคู่สมรส คู่สมรสเดิม ผู้ที่อยู่กินด้วยกันหรือเคยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ผู้ที่เคยมีความสัมพันธ์ฉันคู่สมรส ตลอดจนคู่รักที่แสดงออกต่อบุคคลทั่วไป หรือที่มีความผูกพันลึกซึ้งทางจิตใจต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศเดียวกันหรือต่างเพศ ผู้ที่มีความสัมพันธ์ที่เกิดจากการรับไว้อุปการะเลี้ยงดูอย่างบุตร หรือเป็นบุคคลที่มีความผูกพันกันลึกซึ้งทางจิตใจต่อกัน แม้ไม่มีความเกี่ยวพันกันทางเครือญาติ

...

ส่วนยคำว่า "พนักงานเจ้าหน้าที่" ให้รวมถึงผู้บริหารท้องถิ่นด้วย เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ได้เพิ่มอัตราโทษปรับในความผิดฐานกระทำความรุนแรงในครอบครัว จากเดิมปรับไม่เกิน 6,000 บาท เป็นปรับไม่เกิน 60,000 บาท และให้ศาลลงโทษหนักขึ้น หากผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวมีการกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี หรือการกระทำความรุนแรงในครอบครัวต่อเด็ก อย่างไรก็ตามในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะมีการกระทำความรุนแรงในครอบครัวหรือจะมีการกระทำผิดซ้ำสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ

นายวราวุธกล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ได้ขยายระยะเวลาร้องทุกข์จาก 3 เดือนเป็น 6 เดือน กำหนดเหตุลดโทษหากปรากฏข้อเท็จจริงทางการแพทย์ว่า ผู้กระทำความผิดได้กระทำไปเพราะตนเองหรือบุคคลในครอบครัวของตนถูกกระทำด้วยความรุนแรง หรือถูกกระทำโดยมิชอบซ้ำกันอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเหตุให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อร่างกายหรือจิตใจอย่างรุนแรง กำหนดให้การแก้ไขความขัดแย้งและการใช้ความรุนแรงในครอบครัว ดำเนินการโดยคำนึงถึงความต้องการของผู้ถูกกระทำเป็นสำคัญ เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิ์ผลมากยิ่งขึ้น

"ต้องขอบคุณ ครม. รัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว และความเข้มแข็งของสังคมไทย ที่ได้ให้ความเห็นชอบในหลักร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ เพื่อคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งสาระสำคัญของกฎหมายนี้ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัว ซึ่งการคุ้มครองผู้ถูกกระทำคือหัวใจของกฎหมาย จากน้ีจะได้เร่งให้กฎหมายได้ประกาศใช้คุ้มครองโดยเร็ว" นายวราวุธ กล่าว