“นายกฯ แพทองธาร” บอก ได้หมดฝ่ายค้านเปลี่ยนชื่อ “ทักษิณ” เป็นบุคคลในครอบครัว ไม่แปลกใจโหมโรง “ดีลแลกประเทศ” เรียกความสนใจเป็นเรื่องปกติ ช่วงบ่ายตรวจการบ้าน รมต.เพื่อไทย ขอเร่งรัดการทำงาน ย้ำสื่อสารมากขึ้น

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 18 มีนาคม 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่จังหวัดนนทบุรี กรณีพรรคประชาชน (ปชน.) ยอมตัดชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นคำว่า “บุคคลในครอบครัว” นายกรัฐมนตรีพอใจหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “ก็ได้หมด มันเป็นไปตามกระบวนการของเอกสารอยู่แล้ว ก็เป็นตามขั้นตอนที่ทำไป ทำขั้นตอนถูกก็โอเคแล้ว”

ส่วนเรื่องของกรอบเวลาทางฝ่ายค้านมองว่านายกรัฐมนตรีไฟเขียว 30 ชั่วโมงก็ได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ต้องแบ่งกัน แต่ทางวิป 3 ฝ่ายจะไปคุย และในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้มีการพูดคุยถึงวาระสภาฯ อยู่แล้ว โดยบอกว่าน่าจะมีการคุยกันในวันที่ 19 มีนาคม 2568 ตกลงในเรื่องของจำนวนชั่วโมง ผู้สื่อข่าวถามต่อ ถ้าให้ 30 ชั่วโมงของฝ่ายค้านเพียงอย่างเดียวมากไปหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ความจริงอภิปรายคนเดียวมันก็อาจจะไม่ค่อย Make Sense เท่าไหร่ แต่ว่าลองไปตกลงกันแล้วกัน ในกระบวนการสภาฯ ก็ให้วิปรัฐบาลไปพูดคุยกัน ตัวดิฉันไม่ได้ไปตกลงด้วย”

...

ในเรื่องที่นายกรัฐมนตรีนัดพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารค่ำในวันที่ 21 มีนาคม 2568 จะมีการกำชับอะไรเป็นพิเศษเพื่อให้มีความเป็นเอกภาพภายในรัฐบาลหรือไม่ นายกรัฐมนตรีเผยว่า มีอยู่แล้ว มีการพูดคุยกันอยู่แล้วว่าจะช่วยเหลือกันอย่างไร และแบ่งเบากันอย่างไรบ้าง เพราะในการอภิปรายคนเดียวหรือวงเล็กสองคน ต้องมีเกี่ยวกับกระทรวงอื่นๆ อยู่แล้ว ฉะนั้นก็เต็มที่ทุกกระทรวงต้องช่วยกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านโหมโรงถึง “ดีลแลกประเทศ” ถือเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงหรือไม่ มองว่าอย่างไร นายกรัฐมนตรีย้อนถามว่า “ดีลแลกประเทศหรอคะ ไม่ได้แปลกใจ ก็ต้องทำอย่างนั้นเพื่อให้ได้รับความสนใจ เป็นเรื่องธรรมดาเรื่องปกติ ฝ่ายรัฐบาลก็มีเช่นกัน พรรคต่างๆ ก็มีถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้อะไร” ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าที่มีการปล่อยของออกมาถือว่าตรงกับที่นายกรัฐมนตรีทำการบ้านไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเตรียมข้อมูลมากกว่า การบ้านที่ทำของทุกๆ กระทรวง ทุกนโยบายที่ปล่อยไปว่ามีคำถามอะไรหรือไม่ที่ฝ่ายค้านสนใจ เราก็เตรียมข้อมูลคำตอบเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่มันมากมายไปกว่านั้น ก็หวังว่า 2 วันจะจบ

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่านายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ช่วงหนึ่งก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ถึงกรณีสหรัฐอเมริกาประกาศนโยบายข้อจำกัดวีซ่าของเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยที่เป็นผู้รับผิดชอบและเกี่ยวข้องในการส่งอุยกูร์ 40 คนกลับไปที่ประเทศจีน โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหนึ่งในรายชื่อที่สหรัฐฯ ได้จำกัดวีซ่านั้นมีชื่อของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ น.ส.แพทองธาร ย้อนถามว่า “มีไหมคะ” และกล่าวต่อไปว่า “ยังไม่มีนะคะ ไม่ทราบ” ส่วนจะต้องไปพูดคุยกับทางสหรัฐฯ หรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบว่า ในเรื่องของข้อมูลจะให้ทางกระทรวงการต่างประเทศไปพูดคุย ส่วนเราไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เมื่อถามว่ามีการประเมินความเสียหายแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรีตอบว่าจะต้องให้ทางคณะรัฐมนตรีมาพูดคุยกัน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเข้าตึกบัญชาการเพื่อประชุมคณะรัฐมนตรี

ต่อมาเวลา 12.55 น. นายกรัฐมนตรี เรียกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) หารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาพูดคุยประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ต่อมาเวลา 14.00 น. ภายหลังการประชุม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีนัดรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยมาหลายช่วงแล้ว โดยขอให้สรุปและส่งผลงานให้ทราบว่าทำอะไรไปบ้าง เพื่อมาทบทวนและพูดคุยกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้มีการประชุมร่วมกันมากกว่านี้ ยืนยันว่าไม่มีอะไร

ในคำถามว่าเป็นเพราะนายทักษิณ ระบุให้เร่งทำงานเพราะมีงบประมาณค้างท่อหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่าไม่ทราบ ตนไม่ได้ฟังนายทักษิณ เป็นเรื่องการบริหารจัดการทั่วไป ไม่ได้เจาะจง เมื่อถามว่ามีการเน้นขับเคลื่อนนโยบายใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวตอบว่า ให้แต่ละคนไปดู เพราะแต่ละอย่างกำกับด้วยนโยบายพรรคที่แถลงต่อรัฐสภา ซึ่งเราทำงานมา 6 เดือน นายกรัฐมนตรีก็อยากให้มีการสื่อสารพูดคุยกันมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามย้ำไม่ใช่การวัด KPI เพื่อตัดเกรดใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ร้องโห พร้อมกล่าวว่า “อย่าทำให้ผมตกใจสิ ไม่มีหรอก” ส่วนใหญ่เวลาพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีก็จะเป็นเรื่องกระทรวงกลาโหม แต่เมื่อได้แลกเปลี่ยนกันบ้างกับคนอื่นก็ดี ส่วนคำถามว่า 6 เดือนแล้ว กระทรวงต้องเร่งขับผลงานออกมาหรือไม่ เพราะนายทักษิณมองว่าผลงานของรัฐบาลล่าช้า นายภูมิธรรม เผยว่า เราไม่เคยนำความคิดของนายทักษิณมาคุยเรื่องผลงานที่เราทำ ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่นายทักษิณ แต่ทุกคนและสื่อมวลชนเป็นเครื่องวัดให้เราได้ดี ผ่านมา 6 เดือนก็ต้องทบทวนตัวเอง แต่ยืนยันว่าก็ดูตัวเองอยู่แล้วว่าต้องปรับปรุงอย่างไร เมื่อถามอีกว่าขณะนี้มีงบค้างท่อจริงหรือไม่ นายภูมิธรรม บอกว่าไม่ทราบ แต่ติดว่าทุกคนพยายาม ในการนำงบมาทำงาน ไม่น่ามีปัญหาในเรื่องนี้

ทางด้าน น.ส.จิราพร สิทธิไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า เป็นการติดตามการทำงานรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยในรอบเดือน ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้เร่งการทำงาน เพราะปัญหามีจำนวนมาก ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม จากที่นายกรัฐมนตรีเข้ามาทำงาน 5 เดือนกว่า อยากเห็นผลงานเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์กับนโยบายรัฐบาล

ขณะที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เป็นการคุยกันในส่วนของรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยที่ไม่ได้พูดคุยกันมานาน ส่วนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ก็มีการพูดคุยกันนิดหน่อย โดยนายกรัฐมนตรีให้ทุกคนเตรียมข้อมูล อย่างไรก็ตามเมื่อถามว่าในส่วนของกระทรวงคมนาคม มีการเก็งข้อสอบจะชี้แจงประเด็นอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายสุริยะ ระบุว่า มีการรวบรวมโครงการต่างๆ ที่กระทรวงคมนาคม ทำไปแล้วว่ามีประเด็นอะไรที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาบ้าง.