“สุชาติ ชมกลิ่น” ส่งทีมทนาย ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท “ส.ส.รักชนก-ส.ส.สหัสวัต” ปมพาดพิง สปส. ซื้ออาคารย่านพระราม 9 ศาลนัดไต่สวนนัดแรก 26 พ.ค. นี้
ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 18 มี.ค. 2568 น.ส.ภาวดี แสงจันทร์ ทนายความ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยื่นฟ้อง น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) และ นายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา จากกรณีที่มีการพาดพิงถึงสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เข้าซื้ออาคาร Skyy9 ย่านพระราม 9 ในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในราคาประมาณ 7,000 ล้านบาท
น.ส.ภาวดีกล่าวว่า การฟ้อง น.ส.รักชนก และนายสหัสวัต จากคลิปที่ออกมาเป็นข่าว โดยมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทั้งคู่เป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท โดยนายสุชาติไม่ได้กำชับตนในเรื่องการไกล่เกลี่ยกับคู่ความทั้งสอง โดยในส่วนนี้จะต้องเป็นไปตามรูปคดีก่อนเนื่องจากได้ยื่นฟ้องไปแล้วจึงเป็นกระบวนการของชั้นศาลต่อไป ภายหลังจากที่ศาลรับคำฟ้องไปแล้วได้นัดวันไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 26 พ.ค. 68 เวลา 09.00 น. โดยในวันนั้นนายสุชาติจะต้องเดินทางเข้ามาเพื่อเบิกความด้วยตัวเอง ทางทีมทนายความได้เตรียมพยานเป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักงานประกันสังคมขึ้นไต่สวนด้วย
“ขอยืนยันว่าการที่นายสุชาติยื่นฟ้องทั้งน.ส.รักชนก และ นายสหัสวัตไม่ใช่การยื่นฟ้องเพื่อให้ทั้งคู่หยุดพูดแน่นอน แต่เป็นการยื่นฟ้องเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองไม่ว่าจะเป็นการถูกเหยียดหยามและถูกทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเอง” น.ส.ภาวดีกล่าว
“สุชาติ” ชี้ฟ้องเรียก 50 ล้าน เพื่อป้องกันเกียรติศักดิ์ศรี
...
ต่อมา เมื่อเวลา 11.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติให้สัมภาษณ์ กรณีส่งทนายไปฟ้อง น.ส.รักชนก และนายสหัสวัต ความผิดฐานหมิ่นประมาทกรณีกล่าวพาดพิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้งบลงทุนซื้อตึก Skyy9 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.แรงงาน ว่า ได้มอบทีมกฎหมายไปดำเนินการฟ้องแล้ว แบบต่างกรรมต่างวาระกันไป เรียกค่าเสียหายที่ทำให้เสียชื่อเสียง 50 ล้านบาท เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เพื่อป้องกันเกียรติศักดิ์ศรีของตนและคนในครอบครัว เพราะวันก่อนพ่อและแม่ตนนั่งรถเข็นมาสอบถามด้วยความเป็นห่วง และหากศาลประทับรับฟ้อง จะยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดมาตรฐานจริยธรรมต่อ เหมือนกับกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีต รมว.คมนาคม ฟ้องนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ อดีต ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ เพราะการเป็นบุคคลสาธารณะ รัฐมนตรี ส.ส. ต้องตรวจสอบได้หมด การให้ข่าวเกี่ยวข้องกับคนอื่นควรต้องรู้จริงถึงจะเป็นที่ยอมรับของสังคม ประเด็นดังกล่าวตนไม่ได้มีความกังวลเลย เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไรสืบเนื่องมาถึงตัวตน
กร้าวคนนี้เหนือการเยียวยา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การฟ้องครั้งนี้เพื่อปิดปากหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า หากตนไม่ฟ้องศาลแล้วใครจะเป็นคนตัดสิน เพราะศาลเป็นที่พึ่งของผู้บริสุทธิ์ แล้วคนที่เป็นนักการเมืองหรือคนที่จะมากล่าวหาลอยๆ โดยไม่มีหลักฐานและไม่ใช่เรื่องจริง ต้องได้รับผลสุดท้ายว่าอะไรคืออะไร เมื่อถามว่า หากคู่กรณีมาขอโทษ จะยอมหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า “คนๆ นี้มันเหนือการเยียวยา สังคมรับไม่ได้ คุณก็รู้ว่าเขามีคดีอื่นอยู่ แล้วคนอย่างผมตรงข้ามกับคนพวกนี้ล้านเปอร์เซ็นต์ และคิดว่าคนอย่างนี้ไม่ใช่คนที่สำนึกผิดได้”