“นายกฯ แพทองธาร” ยัน รัฐบาลไม่หยุดปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์แค่นี้ แม้สถิติการจับกุมเป็นที่น่าพอใจ ตั้งเป้าทำให้ประชาชนทุกคนรู้สึกปลอดภัยต่อการใช้ชีวิต พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ “ประเสริฐ” เผย คดีลดลง 20%
วันที่ 17 มีนาคม 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) พร้อมด้วย พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงความคืบหน้าเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการเรื่องปัญหาอาชญากรรมออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง จริงจังและเด็ดขาด ส่งผลให้การดำเนินตามมาตรการของรัฐบาลเห็นผลเป็นรูปธรรม กระทบกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างชัดเจน
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการบังคับใช้มาตรการตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า สถิติการรับแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยพบว่า ระหว่างวันที่ 1-31 มกราคม 2568 มีการแจ้งความทั้งสิ้น 31,159 คดี และหลังจากมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ และตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 จนถึงปัจจุบัน มีจำนวนคดีทั้งสิ้น 25,487 คดี ลดลงเฉลี่ยประมาณ 20% และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่เดิมมีการรับแจ้งมากกว่า 1,000 คดีต่อวัน โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์ที่มิจฉาชีพเข้าถึงเหยื่อได้ง่ายที่สุด ลดลงจากเดิมร้อยละ 67

...

ทั้งนี้ การลดลงของสถิติคดีอาชญากรรมดังกล่าว เป็นผลมาจากการดำเนินมาตรการเข้มข้นของรัฐบาลและการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ข้อมูลจาก AOC 1441 พบว่าประชาชนที่โทรเข้ามา มีจำนวนมูลค่าความเสียหายที่ลดลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ประมาณ 200 ล้านบาท และเมื่อเทียบมูลค่าความเสียหายในเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ของปี 2567 กับปี 2568 แล้วพบว่าความเสียหายลดลงถึง 30% ดังนี้
1. คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ ลดลงร้อยละ 88.64 มูลค่าความเสียหายลดลงประมาณร้อยละ 94.24
2. คดีหลอกลวงให้กู้เงิน มีจำนวนระงับบัญชีลดลงร้อยละ 17.51 มูลค่าความเสียหายลดลงประมาณร้อยละ 55.49
3. คดีหลอกลวงให้ลงทุนที่เป็นความผิดทางพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน มีจำนวนระงับบัญชีลดลงร้อยละ 62.22 มูลค่าความเสียหายลดลงร้อยละ 97.21

นอกจากนี้ ประชาชนเริ่มตระหนักถึงภัยจากการหลอกลวงมากขึ้น ผ่านการให้ความรู้และการแจ้งเตือนจากภาครัฐ ซึ่งแม้จะเห็นความคืบหน้าในบางด้าน แต่รัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมชายแดน ปราบปรามอาชญากรรม และขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่ และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนทุกคน
นายประเสริฐ กล่าวเน้นย้ำว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างต่อเนื่อง จากสถิติการจับกุมที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าการดำเนินมาตรการต่างๆ มาถูกทาง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะไม่หยุดเพียงแค่นี้ เรายังคงเดินหน้าปราบปรามอย่างเข้มข้น เพิ่มมาตรการควบคุมชายแดน และนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการตรวจสอบและประมวลผลให้แม่นยำและรวดเร็วมากขึ้น เพื่อทำลายขบวนการนี้อย่างสิ้นซาก โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล คือ การทำให้ประชาชนทุกคนรู้สึกปลอดภัยในชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักจนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดและลดความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของทุกคน

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ภาพวงประชุมและข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ติดตามต่อเนื่องเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และตัวเลขการปราบปรามวันนี้ ยืนยันว่ารัฐบาลกำลังมาถูกทาง สถิติการรับแจ้งคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทย (ข้อมูลวันที่ 1-31 มกราคม 2568) มีการแจ้งความทั้งสิ้น 31,159 คดี และหลังจากมาตรการตัดน้ำ/ตัดไฟ/ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต มีจำนวนคดีทั้งสิ้น 25,487 คดี ลดลงเฉลี่ยประมาณ 20% และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง และข้อมูลที่ได้จาก AOC 1441 ทำให้มูลค่าความเสียหายที่ลดลงในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 200 ล้านบาท
“ถึงสถิติการจับกุมเป็นที่น่าพอใจ แต่รัฐบาลไม่หยุดแค่นี้ค่ะ เราจะเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมชายแดน ปราบปรามอาชญากรรม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือในการช่วยประมวลผลอย่างแม่นยำและทันท่วงทีมากขึ้น ทั้งหมดนี้เพื่อรื้อถอนปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยอีกหนึ่ง KPI ของรัฐบาล คือการทำให้ประชาชนทุกคนรู้สึกปลอดภัยต่อการใช้ชีวิตค่ะ โอกาสนี้ดิฉันขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายนะคะ ที่ทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่จนเกิดการจับกุมและลดความเสียหายลงอย่างต่อเนื่องได้ และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของทุกท่านค่ะ”

