“ณัฐพงษ์” เย้ย “ทักษิณ” ทำตัวเองทั้งนั้นฝ่ายค้านถึงซักฟอก หลังบอกรำคาญพรรคประชาชน ตอก เพื่อไทยตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องรอคุยผู้มีอำนาจตัวจริง มอง วิสัยทัศน์เศรษฐกิจดิจิทัลใน 1 ปี ส่อซ้ำรอยดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่

วันที่ 15 มีนาคม 2568 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ที่ จ.เชียงราย ตอบโต้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วิจารณ์พรรคประชาชนว่าเสนอชื่อนายทักษิณลงไปในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่ออะไร นี่หรือพรรคคนรุ่นใหม่

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า นายทักษิณเองก็ให้สัมภาษณ์ข่าวหลายครั้งว่าตัวเองมีส่วนในการบริหารราชการแผ่นดิน คนที่เป็นบุคคลสาธารณะ เข้าถึงอำนาจของรัฐในการบริหารราชการแผ่นดิน ย่อมต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุลได้ “การที่พวกเราบรรจุชื่อคุณทักษิณเข้าไปในญัตติไม่ได้เกิดจากใครเลย เกิดจากการกระทำของตัวคุณทักษิณเองที่ต้องถูกตรวจสอบโดยฝ่ายนิติบัญญัติเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายกรัฐมนตรีที่ปล่อยให้ผู้เป็นบิดาคอยชี้นำชักใยตัวเองในการบริหารราชการแผ่นดิน”

เมื่อถามว่านายทักษิณ ใช้คำว่าน่ารำคาญ แสดงว่าน่าจะฟิวส์ขาดใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบว่า “ท่านจะรู้สึกรำคาญหรือไม่ ผมคงห้ามไม่ได้ แต่ถ้าดูตามการให้สัมภาษณ์ ท่านเองก็บอกว่าถ้าพรรคคนรุ่นใหม่ เราทำงานแบบนี้ อาจจะเสียไปอีกพรรค ผมก็ไม่แน่ใจว่าเสียไปอีกพรรคหมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรค ท่านเองก็ไม่ควรพูดในฐานะที่ท่านเองเคยถูกยุบพรรค ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง น่าจะเข้าใจหัวอกของคนที่โดนยุบพรรคด้วยกัน แต่ถ้าท่านหมายถึงเสียคะแนนนิยม ผมคิดว่าคงตัดสินแทนประชาชนไม่ได้”

...

ส่วนที่นายทักษิณระบุว่าฝ่ายค้านรีบไป ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 ปี นายณัฐพงษ์ คิดว่าช้าเกินไปด้วยซ้ำในการถ่วงดุลตรวจสอบ กระบวนการอภิปรายที่ล่าสุดยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้สังคมยังต้องรออยู่ว่าจะเดินหน้าได้หรือ ทั้งที่พวกเราบอกว่าเรามีความพร้อมเดินหน้าเต็มที่ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าฝั่งรัฐบาลเองไม่ได้ส่งผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัวจริงในการเจรจาวิป ตนอยู่ในห้องประชุมวิปวันนั้น นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ก็ออกมาพูดชัดเจนว่าตัดสินใจแทนคนในพรรคไม่ได้ ตนก็ไม่เข้าใจว่าการตัดสินใจแทนคนในพรรคได้นั้นหมายถึงใคร เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คิดว่าการเดินหน้าการทำงานอย่างเต็มที่ การส่งผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัวจริงมาเจรจาพูดคุย น่าจะเป็นทางออกที่ถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามต่อ แบบนี้สะท้อนว่ามีคนอยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ตนไม่สามารถบอกได้ว่านายวิสุทธิ์หมายถึงใคร แต่สิ่งที่บอกได้คือห้องประชุมในวันนั้น พวกเราพร้อมที่จะยืดหยุ่นบางส่วน แต่กรอบในการยืดหยุ่นทางฝั่งรัฐบาลเองไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงเป็นที่มาที่ต้องส่งให้นายวิสุทธิ์กลับไปคุยก่อน เมื่อถามอีกว่ามีอะไรอยากจะฝากไปถึงผู้ตัดสินใจตัวจริงหรือไม่ นายณัฐพงษ์ เผยว่า อยากฝากให้ใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลัง อยากจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้อย่างเต็มที่ ตนคิดว่าสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือการที่ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง รัฐบาลก็ทำหน้าที่รัฐบาล ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเต็มที่

ส่วนกรณีที่นายทักษิณไล่ฝ่ายค้านให้ไปถามคนก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การตั้งญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมถึงการเจรจาคำที่บรรจุในญัตติและกรอบระยะเวลา ตนสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง แต่ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ เป็นเพราะตัวแทนฝั่งพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลไม่ได้ส่งผู้มีอำนาจในการตัดสินใจตัวจริง เมื่อถามว่าเป็นการดิสเครดิตพรรคประชาชนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ บอกว่า ที่ผ่านมาตนสื่อสารมาโดยตลอดว่าอดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล อยู่ในฐานะที่ปรึกษา แต่การประชุมวิปร่วม ตนเป็นคนเข้าประชุมด้วยตนเอง

“คุณทักษิณอาจจะยังไม่ทราบว่าภารกิจใน อบจ.ลำพูน ผมเองก็มีส่วนสนับสนุนอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแพลตฟอร์มในการเก็บข้อมูล เร็วๆ นี้จะเห็นอะไรอีกหลายอย่างที่ออกมาจากทางหัวหน้าพรรคด้วยเช่นเดียวกัน”

ในประเด็นคำถามว่า นายวิสุทธิ์ออกมาระบุถึงสูตรเวลาอภิปรายอาจจะยืดหยุ่นให้เป็น 23+7 แล้ว คือฝั่งฝ่ายค้าน 23 ชั่วโมง รัฐบาล 7 ชั่วโมง รับได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวตอบว่า อยู่ในกรอบที่พูดคุยกันได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมให้ชัดเจนคือไม่ว่าจะเป็นสูตรใดก็ตาม ถ้ายืนพื้นอยู่ที่ประมาณ 30 ชั่วโมง การอภิปราย 2 วันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ถ้ายังไม่ปลดล็อกเรื่องนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เดินหน้าต่อได้ยาก

นายณัฐพงษ์ ยังระบุเรื่องคำที่ใช้แทนนายทักษิณ ว่า ขอรอเจรจาเรื่องเวลาก่อนดีกว่า ผู้สื่อข่าวถามต่อให้ตัวเลือกชื่อได้หรือไม่ว่ามีอะไรบ้าง นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ลองดูตามที่ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎรเคยให้ข่าวก็ได้ มีการเปิดเผยรายชื่ออยู่ เช่น บุคคลในครอบครัว อยู่ในกรอบประมาณนั้น ทางด้านคำถามว่าตามที่นายทักษิณอยากได้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ ตอบว่า ถ้าเป็นชื่อที่นายทักษิณเคยเรียกตัวเองก็พอเป็นไปได้อยู่ แต่การบรรจุคำในญัตติก็ต้องเป็นทางการ

เมื่อถามถึงเรื่องที่โฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าได้การบ้านจากพรรคประชาชนและพรรคพลังประชารัฐไปเตรียมตัวแล้ว นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ในฝ่ายค้านจะมีกระบวนการเตรียมเนื้อหาไปตามแต่ละพรรค แต่ในพรรคประชาชน ตนเชื่อมั่นว่าไม่มีข้อสอบรั่วแน่นอน อยากให้รัฐบาลเตรียมพร้อมตอบข้อซักถามของพวกเรา

ขณะเดียวกัน นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงการขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ที่ตั้งเป้าจะทำเศรษฐกิจดิจิทัลภายใน 1 ปี ว่า ต้องดูคำสัญญาที่เคยให้ไว้ในหลายครั้ง ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เคยบอกว่า จะแจกพร้อมกันเพื่อให้เกิดเป็นพายุหมุนในระบบเศรษฐกิจ แต่สุดท้ายก็ต้องแบ่งเป็นหลายเฟส และไม่สามารถทำให้เกิดพายุหมุนได้จริง

ส่วนอีกประเด็นที่นายทักษิณพูดไว้บนเวทีคือพลังงานสีเขียวที่เกี่ยวข้องกับการตั้งดาต้า เซ็นเตอร์ อุตสาหกรรมเอไอ รวมทั้งค่าไฟแพงที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนว่าจะมีการปรับลดลงเหลือ 3 บาทปลายๆ ก็ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งมาตรการลดค่าไฟที่เห็นอยู่ในขณะนี้ มีการออกมาเปิดรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้รัฐบาลอุดหนุนต่อหรือไม่ เพราะฉะนั้น เรื่องการลดค่าไฟเป็นสิ่งที่พรรคประชาชนสื่อสารมาโดยตลอดว่าต้องกลับไปปฏิรูปที่โครงสร้างไฟฟ้า และไม่อยากเห็นมาตรการเฉพาะหน้าในการใช้ภาษีของประชาชนไปอุดหนุนเพื่อลดค่าไฟ สุดท้ายระยะยาวก็ไม่ได้เกิดการส่งเสริมเศรษฐกิจใดๆได้จริง พร้อมย้ำว่า อยากเห็นสิ่งที่เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่หากดูคำพูดที่ผ่านมาของพรรคเพื่อไทย ก็ตั้งข้อสงสัยว่าจะเป็นจริงได้หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าสุดท้ายแล้วจะกลายเป็นโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ต้องรอดู เราก็ไม่อยากเห็นคำพูดที่ดูโตๆ ที่พูดแล้วแต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ หรือการคิดไปทำไปเหมือนเช่นที่ผ่านมา.