วิป 3 ฝ่าย ยังไม่ได้ข้อสรุปศึกซักฟอก ด้าน “ณัฐพงษ์” เผย ตกลงกรอบระยะเวลาไม่ลงตัว มองรัฐบาลควรถอยกันคนละก้าว ยันฝ่ายค้านขอ 30 ชั่วโมง อุบ ปรับคำเรียกในญัตติ พุธหน้าเตรียมถกต่อ เชื่อยังอภิปรายทันสมัยการประชุมนี้ แต่ถ้าจะไม่ทัน ก็เพราะรัฐบาลไม่ยอม
วันที่ 13 มีนาคม 2568 เมื่อเวลา 16.00 น. ในการประชุมร่วมกันของวิป 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาระยะเวลาในการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามมาตรา 151 โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธาน มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชนและผู้นำฝ่ายค้านเป็นตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยและประธานวิปพรรคร่วมรัฐบาล เป็นตัวแทนฝ่ายรัฐบาล และมีนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นตัวแทนคณะรัฐมนตรี
ภายหลังการประชุมกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที นายณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า ยังเป็นที่น่าเสียดายที่ยังหาข้อสรุปตรงนี้ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามทางฝั่งรัฐบาลเองยืนยันว่าจะกลับไปเจรจากับฝ่ายของตัวเองก่อนและในวันพุธหน้าจะมาหารือเรื่องนี้กันใหม่ ส่วนประเด็นที่ยังหาข้อสรุปร่วมกันไม่ได้คือเรื่องกรอบระยะเวลา
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรายอมที่จะปรับคำในญัตติและยังอยากยืนยันเรื่องของกรอบระยะเวลาที่ขอไว้ 30 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่าขณะที่ลงมาเจรจาร่วมกับวิปร่วมรัฐบาล โดยนายวิสุทธิ์และคณะรัฐมนตรีพบว่าในเรื่องของกรอบระยะเวลายังตกลงกันไม่ได้ แล้วขอยังไม่บอกเรื่องตัวเลขเพราะอาจจะกระทบกับการเจรจา หากเดินตามกรอบนี้ได้คงได้ข้อสรุป แต่ทางฝั่งรัฐบาลเองยังไม่เห็นด้วย
ส่วนข้อสรุปเรื่องการปรับชื่อญัตตินั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตัวญัตติยังไม่ได้ทำหนังสือส่งประธานสภาอย่างเป็นทางการ ซึ่งตนก็รักษาคำมั่นสัญญากับประธานไว้เช่นเดียวกัน หากเจรจาเรื่องกรอบระยะเวลาสำเร็จก็พร้อมที่จะปรับคำในญัตติ แต่เนื่องจากวันนี้ยังจัดการเรื่องกรอบระยะเวลาไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะปรับเป็นคำไหน ก็ขอให้รอดูข้อสรุปในอาทิตย์หน้า
...
เมื่อถามว่าเดือนนี้อาจไม่ทันตามที่กำหนดไว้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในมุมตนคิดว่ายังทันอยู่ ขณะนี้ญัตติเสร็จแล้วทุกอย่างรอแค่การปรับคำก็พร้อมที่จะบรรจุได้เลย ติดอยู่แค่กรอบระยะเวลา ซึ่งจะปิดสมัยการประชุมในวันที่ 10 เมษายน มองว่าสามารถขยับไปได้อีก 1 สัปดาห์ ส่วนจะอภิปรายยาวนานขนาดไหนก็อยู่ระหว่างข้อตกลงของพรรคร่วม
เมื่อถามว่าหากฝั่งรัฐบาลเสนอให้อภิปรายเพียง 2 วันนั้น นายณัฐพงษ์ ระบุว่า เรื่องนี้ยังคงหารือกันอยู่และต้องหาจุดกลางร่วมกัน ส่วนฝ่ายรัฐบาลจะมองว่าอภิปรายที่ตัวนายกรัฐมนตรีคนเดียวไม่ควรใช้เวลานานหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการค้นข้อมูลจากการอภิปรายในอดีต ซึ่งก็มีการอภิปรายรัฐมนตรีหนึ่งคนหลายคนก็มี หลายวันหรือหลายวันก็มี หากดูตามบรรทัดฐานของสภาในอดีต ตนมองว่ามีความหลากหลายแต่สิ่งที่สำคัญที่สุด วันนี้เรายืนยันในเรื่องของเนื้อหาตามกรอบญัตติ แล้วมองว่า 30 ชั่วโมงไม่เยอะเกินไป ก่อนหน้านี้เสนอไป 5 วันด้วยซ้ำแต่รัฐบาลขอเพียง 1 วัน ตนไม่อยากให้โต้กันผ่านสื่อ จึงขอให้ยึดตามกรอบเนื้อหาดีกว่ายืนยันว่า 30 ชั่วโมงเป็นกรอบระยะเวลาที่เหมาะสม
“จริง ๆ 30 ชั่วโมงก็เป็นสิ่งที่เราถอยกันมา แล้วในมุมมองของฝ่ายค้าน จาก 5 วันก็ถอยลงมาเรื่อย ๆ จนเราที่ยึดในตัวเนื้อหา 30 ชั่วโมงเป็นหลัก เพราะฉะนั้นหากถามว่าจะเป็นเส้นตายสุดท้ายหรือไม่ ก็อยากให้มองว่าการจะเดินต่อไปได้ก็ต้องถอยกันคนละก้าว”
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวว่า ฝั่งรัฐบาลเองเพื่อให้กระบวนการสภาเดินไปได้ ผ่านกระบวนการวิปจะขอกี่วันก็แล้วแต่ แต่ขอให้มีการไปหาข้อสรุปภายในพรรคให้เรียบร้อย ให้ทันการประชุมในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามย้ำว่าทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าต้องได้อภิปรายหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า พรรคฝ่ายค้านยังมุ่งไปสู่จุด แต่ขณะนี้ไม่สามารถเดินต่อไปได้ เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลนั้น ในเรื่องของกรอบระยะเวลาอาจยังเจรจาไม่ลงตัว เพราะฉะนั้นตอนนี้ตนขออนุญาตสื่อสารตรง ๆ
“ถ้าจะเดินหน้าไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ในสมัยการประชุมนี้ ก็อาจเกิดปรากฏการณ์ที่รัฐบาลไม่ให้เวลากับฝ่ายค้านเพียงพอในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ”