“โฆษกปธ.สภาฯ” ควง “เลขาสภาฯ” แจงยิบให้แก้ญัตติซักฟอก กางกฎหมาย-ข้อบังคับพ่วงยันให้อำนาจประธานสภาฯ ปูด พบ 10 ชื่อ สส.ฝ่ายค้าน ลายมือชื่อไม่ตรงกับที่ให้ไว้ ด้าน “เลขาสภาฯ” ย้ำถ้าไม่แก้ ไม่บรรจุวาระประชุม พาดพิงคนนอก ประธานร่วมรับผิดชอบด้วย

วันที่ 11 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงชี้แจงกรณีหนังสือโต้แย้งของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ กรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร วินิจฉัยให้แก้ไขญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ว่า กรณีฝ่ายค้านแย้งในอำนาจของประธานสภาฯ ว่ามาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีการบัญญัติเรื่องอำนาจ ความผูกพันในการใช้อำนาจของประธานสภาฯ ให้ต้องเปิดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่มาตรา 128 วรรค 1 บัญญัติให้อำนาจ สส.ในการตราข้อบังคับการประชุมเกี่ยวกับการเปิดอภิปรายทั่วไป รวมถึงญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจด้วย โดยมีการกำหนดขั้นตอนเกี่ยวกับการเปิดอภิปรายฯ ในข้อบังคับการประชุมสภาฯ พ.ศ.2526 หมวด 9 เรื่องการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยเฉพาะข้อ 175 วรรค 1 ที่กำหนดอำนาจและหน้าที่ให้ประธานสภาฯ ไว้ชัดเจน ในการตรวจสอบความถูกต้องของญัตติ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาฯ แจ้งผู้เสนอญัตติทราบภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้ญัตติ เพื่อให้แก้ไขให้ถูกต้อง โดยข้อบังคับไม่ได้มีการกำหนดนิยามคำว่า ข้อบกพร่องไว้อย่างชัดเจนว่า หมายถึงข้อบกพร่องที่เป็นข้อผิดพลาด เช่น มีลายชื่อผู้เสนอไม่ครบตามเกณฑ์กำหนด หรือลายมือชื่อผู้เสนอไม่ถูกต้องตรงกับลายมือชื่อจริง เป็นต้น จึงเป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัย หากมีการแก้ไขญัตติถูกต้องเรียบร้อยแล้ว ประธานสภาฯ จึงจะสั่งเข้าบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน และแจ้งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทราบ

...

นายคัมภีร์ กล่าวอีกว่า เมื่อพิจารณาจากข้อบังคับการประชุมสภาฯ ข้อ 178 และข้อ 69 แล้วจะเห็นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจห้ามผู้อภิปรายออกชื่อบุคคลใดโดยไม่จำเป็น และการอภิปรายที่อาจทำให้บุคคลอื่นที่ไม่ใช่นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี หรือสส.ได้รับความเสียหายถือเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม สส.ผู้นั้นต้องรับผิดชอบ ประธานสภาฯ ต้องการให้การประชุมและการอภิปรายเป็นไปด้วยความเรียบร้อยเกิดประโยชน์แก่ชาติและประชาชน จึงเห็นว่าหากปล่อยให้ชื่อบุคคลภายนอกอยู่ในญัตติต่อไปจะเกิดความเสียหายและความไม่เรียบร้อยในที่ประชุมจนยากจะแก้ไข เนื่องจากอาจจะเกิดการประท้วงไปมาหรือประท้วงประธานสภาฯ ว่าทำผิดข้อบังคับด้วย ไม่ควบคุมรักษาความสงบในที่ประชุม ซึ่งท่านจะต้องรับผิดชอบด้วยจึงต้องใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยข้อบกพร่องของญัตติดังกล่าว

“นอกจากนี้ จากการตรวจสอบในญัตติพบว่ามีสส.ของพรรคฝ่ายค้านจำนวน 10 รายที่ลายมือชื่อไม่ตรงกับที่เคยให้ไว้กับสภาฯ จึงให้ไปแก้ไข ซึ่งมีการแก้ไขกลับมาวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่เดือนกุมภาพันธ์มีแค่ 28 วันเท่านั้น และเมื่อมีการนำเสนอเรื่องต่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่ 1 เพื่อพิจารณาก่อนที่จะส่งเรื่องไปถึงประธานสภาฯ ตามขั้นตอน จึงพบว่าญัตติมีการกำหนดชื่อบุคคลภายนอกไว้ ซึ่งไม่สามารถทำได้ จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถบรรจุเข้าระเบียบวาระได้ ดังนั้น นายพิเชษฐ์จึงเสนอต่อประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของกรอบเวลาการที่นายณัฐพงษ์ระบุว่าเกินกำหนดวันที่ 28 กุมภาพันธ์” นายคัมภีร์ กล่าว

“เลขาฯสภาฯ” ย้ำถ้าไม่แก้ ไม่บรรจุวาระประชุม

ด้าน ว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเสริมว่า ในทางปฏิบัติสำนักการประชุมได้ชี้แจงมาว่า การยื่นญัตติของฝ่ายค้านนับรวมวันเสาร์-อาทิตย์ด้วย ซึ่งก็จะตรงกับวันที่ 6 มีนาคมพอดี โดยญัตติสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ข้อบังคับการประชุมระบุว่าไม่จำเป็นต้องแจ้งด้วยหนังสือ แต่ประธานสภาฯ ให้เกียรติผู้นำฝ่ายค้านจึงขอนำเรียนให้นายณัฐพงษ์แก้ไขก่อน ถ้าไม่แก้ไขก็จะให้สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ทำหนังสือส่งไป เผื่อนายณัฐพงษ์จะเปลี่ยนใจแก้ไข เมื่อถามย้ำว่า ตามระเบียบหากไม่แก้ไขญัตติ จะไม่สามารถบรรจุวาระได้ใช่หรือไม่ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของประธานสภาฯ ว่าบรรทัดฐานที่ท่านทำมา แต่ท่านได้ให้สำนักการประชุมตรวจสอบดูในอดีต ซึ่งการกล่าวถึงบุคคลภายนอกนั้นไม่มี แต่ใช้คำว่า บุคคลในครอบครัว อดีตสมาชิกฯ จะไม่ระบุชื่อโดยตรง เฉพาะในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องอยู่ในกรอบนี้ ไม่ใช่ญัตติทั่วไป ซึ่งญัตติทั่วไปอาจมีการเอ่ยถึงบุคคลภายนอกได้ ประธานสภาฯ ก็ถือเป็นบรรทัดฐานครั้งนี้

ถ้าไม่แก้-พาดพิงคนนอก ประธานร่วมรับผิดชอบด้วย

เลขาธิการสภาฯ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า จริงอยู่ที่ผู้เสนอญัตติพร้อมรับผิดชอบในการกล่าวถึงบุคคลภายนอก แต่ว่าในฐานะประธานสภาฯ ท่านก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ถ้าชื่อของบุคคลภายนอกไปปรากฏอยู่ในญัตติ และมีการปรากฏอยู่ในสาธารณชน เพราะเป็นคนใช้อำนาจในการอนุญาตให้บรรจุญัตติ ซึ่งประธานสภาฯ เล็งเห็นในส่วนนี้ซึ่งมีความสำคัญจึงเห็นว่าควรให้ตัดการที่มีบุคคลภายนอกออกไป

เมื่อถามย้ำว่า หากไม่แก้ญัตติก็คือไม่บรรจุวาระการประชุม เลขาธิการสภาฯ กล่าวว่า “ครับๆ ตอนนี้ท่านประธานสภาฯ ก็มีดำริให้นโยบายมา ในส่วนของสำนักงานเลขาธิการสภาฯ ภายในวันที่ 11-12 มีนาคมนี้ ผมก็จะทำหนังสือชี้แจงในข้อที่ผู้นำฝ่ายค้านโต้แย้งมา ยืนยันหนังสืออย่างเป็นทางการไปอีกครั้งหนึ่ง”