“โรม” งง “กคพ.” รับคดีพิเศษฮั้ว สว. ฐานฟอกเงิน ตัดอั้งยี่ซ่องโจร มั่นใจกระบวนการดีเอสไอถูกแทรกแซง สะท้อนนายกรัฐมนตรีไร้ศักยภาพในการบังคับใช้กฎหมาย คุมตำรวจไม่อยู่
วันที่ 7 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ (กคพ.) รับคดีฮั้วเลือกสว. เป็นคดีพิเศษฐานความผิดฟอกเงิน ว่า เวลาจะพูดถึงฟอกเงินต้องมีคดีมูลฐานก่อน ซึ่งตนงงว่า จะตั้งฐานโดยใช้คดีมูลฐานอั้งยี่ซ่องโจร ก็จะสามารถไปตั้งคดีฟอกเงินได้ แต่เมื่อตั้งต้นจากคดีฟอกเงินก่อน ก็จะต้องกลับไปตั้งต้นว่า คดีมูลฐานเป็นอย่างไร หากถามว่า ทำได้หรือไม่ ตั้งเป็นคดีฟอกเงินก็ทำได้ แต่อาจจะต้องตั้งต้นจากอั้งยี่ซ่องโจรเป็นหลัก ซึ่งตนเข้าใจว่ามีปัญหาเรื่องของการล็อบบี้จึงเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะแค่เริ่มต้นพิจารณาตำรวจหายไปถึงสามคน ทั้งที่ตำรวจอยู่ภายใต้กำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี แทบจะเรียกได้ว่า เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของตำรวจ ทำไมถึงไม่สามารถกำกับดูแลให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองในบอร์ดดีเอสไอได้
ฉะ กกต. ปล่อยปละไม่ทำหน้าที่
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ต้องยอมรับตรงๆ ว่า มีผู้ที่มาเกี่ยวข้องแทรกแซงแล้วทำให้กระบวนการของดีเอสไอที่มีการประกาศไปเมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา อาจจะดูแปลกประหลาด กลายเป็นว่าแทนที่จะสามารถตั้งต้นได้จากอั้งยี่ซ่องโจร แล้วไปในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินก็จะเดินไปได้ดีกว่า ต้องยอมรับว่ารัฐบาลพยายามจะเปิดปฏิบัติการอย่างหนักในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นว่ามีบุคคลภายนอกเข้ามาแทรกแซง ทำให้ฐานที่จะดำเนินการเอาผิดกับ สว.ชุดนี้ว่า อาจจะกระทำความผิดกับคดีอั้งยี่ซ่องโจรไม่ได้จึงมีปัญหาเช่นนี้ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ไม่สามารถทำได้ในคดีร้ายแรงขนาดนี้ จึงมีคำถามว่า ศักยภาพของรัฐบาลนี้มีมากน้อยแค่ไหน “ ต้องถามกลับถึง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่ามีความผิดอะไรหรือไม่ ถึงปล่อยให้ระยะเวลาเนิ่นนานขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ของ กกต.ก็น่าสงสัยเหมือนกัน ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือกระทำความผิดด้วยหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว
...
สะท้อนรัฐบาลไร้เอกภาพ
เมื่อถามว่า เป็นเพราะการพบกันของผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกรัฐบาลหรือไม่จึงทำให้คดีฮั้วเลือก สว.เหลือเพียงแค่คดีฟอกเงิน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าสถานภาพของรัฐบาลที่มีความไม่แน่นอนสูง เป็นสภาวะเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน ทำให้ปัญหาความเป็นเอกภาพของรัฐบาลเกิดขึ้น เพราะมีการปะทะกันระหว่างการทำงานของสองขั้ว การที่เราจะบอกว่า เสือตัวไหนแข็งแรง จะดูแค่ที่นั่งสส.ไม่ได้ เพราะมีปัจจัยที่มากกว่านั้น เมื่อเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลมีความอ่อนแอลง ผนวกกับมีผู้มีอำนาจที่อยู่นอกรัฐบาลเข้ามามีปัจจัยในการล็อบบี้ต่างๆ สุดท้ายจึงทำให้ดีเอสไอไม่สามารถที่จะทำคดีเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษได้อย่างเต็มที่ การตั้งข้อกล่าวหาจึงดูค่อนข้างแปลกประหลาด
เชื่อ สว.เปิดแชมเปญฉลอง
เมื่อถามว่าการที่ตั้งคดีแค่การฟอกเงิน จะส่งผลกระทบอะไรกับสว.ชุดนี้บ้าง นายรังสิมันต์ กล่าวว่า บรรยากาศแบบนี้ชี้ให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีไม่มีศักยภาพ ในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ถ้ามีผู้กระทำความผิดฮั้วสว.จริง เขาอาจจะฉลองแชมเปญกันไปแล้ว เพราะปัญหาเรื่องนี้คงไม่สามารถคลี่คลายได้โดยง่าย และเป็นบทพิสูจน์ว่า รัฐบาลไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายที่มี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนหนึ่งคือ นายกรัฐมนตรีมีภาวะผู้นำมากเพียงพอหรือไม่ ที่จะทำให้ทุกฝ่ายรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลเชื่อมั่นว่า รัฐบาลนี้เอาจริงกับการบังคับใช้กฎหมาย ถ้าปัญหานี้ไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาอาชญากรรมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจฝ่ายต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้รับการแก้ไขต่อไป และเป็นปัญหาร้ายแรงของประเทศต่อไป
เหน็บ นายกฯ คุมตำรวจไม่อยู่
เมื่อถามย้ำว่า การตั้งข้อหาฟอกเงิน ไม่ทำให้เก้าอี้ สว.สั่นสะเทือน นายรังสิมันต์กล่าวว่า ยังอีกไกลที่จะไปบอกว่าสะเทือนหรือไม่สะเทือนร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะการออกมาในรูปคดีฟอกเงิน สุดท้ายก็ต้องมาหาคดีมูลฐานอยู่ดี ส่วนผู้ลาประชุมส่วนใหญ่เป็นตำรวจ ในการกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี สะท้อนว่านายกฯ ควบคุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ขนาดตำรวจอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายกฯ เองยังเอาไม่อยู่เลย อย่าง ผบ.ตร. มอบหมายให้คนมาแทน แล้วมาไม่ได้ จะมอบหมายทำไม
เชื่อประชาชนคาใจ
“เรารู้อยู่แล้วว่า วิธีการเช่นนี้ มีคุณเขาขอมา คุณก็เลยใช้วิธีขอลา ไม่เข้าประชุมตั้งแต่ต้น กะว่าจะไม่ผิดใจกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คงคิดว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุด แต่การทำแบบนี้ ยิ่งแสดงให้เห็นว่า แม้กระทั่งตำรวจเองก็ไม่สนใจนายกฯ และนายภูมิธรรม รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ตำรวจยังไม่ให้ความเคารพนับถือเลย จึงกลับไปที่ตัวนายกฯ ว่าที่ตำรวจและองค์กรต่างๆ ไม่เชื่อฟัง เพราะนายกฯ ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำ ” นายรังสิมันต์ กล่าวและว่า
ตนเชื่อว่ามีการต่อรอง และดีลทางการเมืองต่อไป เกมเรื่องนี้สำหรับฝ่ายต่างๆ ยังคงอีกไกล ไม่อยากเดาว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่เชื่อว่าทุกความเคลื่อนไหว ทุกย่างก้าว ของฝ่ายต่างๆ ล้วนถูกนำไปตีความในหลายๆ ด้านอยู่แล้ว จึงไม่ต้องลงรายละเอียดว่า สว.สีน้ำเงินหมายถึงอะไร แต่ทุกย่างก้าวของฝ่ายการเมืองนำไปสู่การตั้งคำถาม ที่ประชาชนสงสัย และรู้สึกไม่ดีกับรัฐบาลนี้เพิ่มขึ้น