บอร์ด "ดีเอสไอ" แจงเหตุเลื่อนพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ รอเชิญ กกต. ชี้แจงวันที่ 6 มี.ค. 68 ยืนยันดำเนินตามข้อเท็จจริง โปร่งใส

วันที่ 25 ก.พ. 68 มีรายงานว่า จากกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เปิดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) เพื่อพิจารณาว่าจะรับคดีเกี่ยวกับการฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษหรือไม่ โดยการประชุมบอร์ดคดีพิเศษในครั้งนี้ มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นรองประธาน และกรรมการอีก 20 คน รวม 22 คน

โดยล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ได้เสนอเลื่อนการพิจารณาคดีฮั้วเลือก สว. โดยให้ดีเอสไอเชิญ กกต. มาชี้แจงในการประชุมครั้งต่อไป ในวันที่ 6 มี.ค. นี้

ต่อมา เมื่อเวลา 17.00 น. หลังใช้เวลาประชุมนาน 3 ชั่วโมง นายภูมิธรรม เวชชยชัย ในฐานะประธานคณะกรรมการพิเศษแถลงว่า คณะกรรมการมีความเห็นที่หลากหลายและหลังจากได้ฟังความเห็นแล้วทุกคนเห็นว่าคดีนี้น่าจะมีปัญหาในคดีอาญาความผิดฟอกเงินและอั้งยี่ซ่องโจรเพราะถือเป็นการกระทำเข้าข่ายข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่ยังมีปัญหาที่เป็นข้อถกเถียงกันอยู่ ซึ่งอยากจะให้ทำด้วยความรอบคอบเพราะมีคดีเลือกตั้งที่กกต. ยังไม่แจ้งชัดเพราะแจ้งมาทางเลขาธิการ และบอกว่ายังไม่มีความผิดทั้งที่เป็นคนส่งมาให้เรา จึงจะต้องพิจารณาและทำให้ชัดเจนมากขึ้นเพื่อให้เสร็จสิ้นข้อสงสัย

และคนที่แจ้งเรื่องมาเป็นเพียงระดับเลขาธิการ กกต. ไม่ใช่ตัวแทนคณะกรรมการโดยตรง จึงกลัวว่าจะไม่รอบคอบและจะมีปัญหาเรื่องนี้ได้ ที่ประชุมจึงขอให้กลับไปดำเนินการให้ครบถ้วน เพราะเกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของประเทศเป็นที่จับตาของประชาชน จึงอยากทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนโปร่งใสและครบถ้วนและรวดเร็ว จึงมีมติให้ถอนเรื่องนี้ไปให้คณะอนุกรรมการกลั่นกรองของ DSI ไปดำเนินการให้ครบถ้วนทุกขั้นตอนและขอเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ เพื่อไม่ให้สังคมรู้สึกว่ายื้อหรือไม่อยากทำ และย้ำว่าคดีนี้จะไม่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งในวันที่ 5 มีนาคมจะพูดคุยกับประธานกกต. และจะประชุมคณะกรรมการพิเศษอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค. โดยจะเชิญประธานคณะกรรมการหรือผู้แทนที่มีอำนาจของกกต. มาร่วมประชุมด้วย แล้ววันนั้นจะเป็นวันที่มีข้อยุติ

...

นายภูมิธรรม ย้ำว่า คดีอั้งยี่ซ่องโจรที่เป็นคดีอาญาเป็นอำนาจที่ทำได้อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา ส่วนคดีเลือกตั้งเอาให้เกิดความชัดเจน ว่ากกต.จะทำหรือไม่ทำ แต่ที่ผ่านมาเท่าที่ทราบหลังจากถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กกต.ทำเฉพาะคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้ง แต่คดีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญา ยังไม่ได้ทำ จึงจะถามให้ชัดเจนว่า กกต. จะเอาเรื่องไหนอำนาจหน้าที่ไปทำหรือไม่หรือจะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำ เนื่องจากมันซับซ้อนและเกี่ยวพันกันหมด หากให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำก็พร้อมจะทำแต่หากไม่ให้ทำจะเอาคดีที่เกี่ยวกับคดีอาญามาดำเนินการเอง และวันที่ 6 มี.ค. ชัดเจนในคำตอบทั้งหมด

ส่วนวันที่ 6 มี.ค. ประธานกกต. จะต้องมาประชุมด้วยหรือไม่นั้น หากประธานกกต. มาเองก็จะได้คุยกับคณะกรรมการพิเศษทั้ง 22 คนเผื่อจะมีข้อซักถามและตอบกันให้ ส่วนท่าทีของเลขากกต. ขอไม่ตอบ และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองเราพูดกันชัดเจนแม้ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่ว่าสมาชิกของพรรคใดที่ร่วมรัฐบาลถ้ามีที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดหรือข้อสงสัยก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ และการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่จะต้องมาปกปิดความผิดที่เกิดขึ้น ใครทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบไปตามนั้น

ส่วนท่าทีของสว. ที่ออกมาประกาศว่าจะฟ้องกลับนั้นก็ไม่ถือเป็นการกดดันเพราะเราไม่ได้มุ่งแก้แค้นใคร หรือบอกว่าใครผิดเพราะเป็นอำนาจของศาล สิ่งที่เราทำคือการสอบสวนตามหลักฐานที่ปรากฏและข้อกฎหมาย ส่วนการพิจารณาอยู่ที่ศาล เราทำหน้าที่หากไม่ทำก็มีความผิดเหมือนกัน และยืนยันว่าจะเริ่มต้นจากข้อเท็จจริงแล้วพิสูจน์ทราบได้ว่ามีแนวโน้มที่เป็นอย่างนั้นและจากการสอบสวนและข้อกฎหมายที่มีซึ่งปัญหาตอนนี้คืออำนาจอยู่ที่ใคร แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฝ่ายนิติบัญญัติจึงจะต้องทำให้รอบคอบ และอยากจะบอกกับสว. ทุกคนว่า ดีเอสไอ และตนเองในฐานะประธานคณะกรรมการพิเศษเมื่อมีคนร้องมาพร้อมกับหลักฐานซึ่งเราได้เห็นบ้างแล้วจึงคิดว่าน่าจะเอาเรื่องนี้ไปพิจารณา ส่วนจะถูกจะผิดเราไม่มีดุลพินิจเป็นหน้าที่ของศาลที่จะพิจารณา แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่ความรู้สึกว่าพอใจหรือไม่พอใจ และเพื่อนของตนเองในสว. ก็มีหลายคนแต่ทั้งหมดเป็นการทำตามหน้าที่ ไม่อยากทะเลาะกับใคร

ส่วนที่เมื่อวานมีกระแสข่าวว่านายทักษิณและนายเนวินมีนัดพบกันเพื่อจะเคลียร์ใจนั้นนายภูมิธรรมกล่าวว่าขอให้แยกเป็นคนละเรื่องใครจะนัดกับใครตนเองไม่ทราบ และยืนยันว่ากรรมการทุกคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นอาจารย์และนักกฎหมายมีประสบการณ์รับราชการระดับสูงมาแล้ว ซึ่งตัวเองก็ได้ย้ำไปแล้วว่าอย่าให้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง อย่าใช้อารมณ์หรือความรู้สึกมาตัดสินให้ดูที่ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

และหากคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งกกต. ไม่สอบสวนหรือทำให้เสร็จจะส่งผลกระทบต่อการสอบสวนของคณะกรรมการพิเศษไปด้วยหรือไม่เพราะหลายคนมองว่าอาจจะเป็นการดึงเวลา นายภูมิธรรมย้ำว่าไม่เกี่ยวกัน คดีเลือกตั้งก็เป็นเรื่องของกกต. ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษก็ดำเนินกันที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา ที่ผ่านมาก็ทำควบคู่กันได้ต่างฝ่ายต่างดำเนินการก็ได้

นายภูมิธรรม ยังย้ำว่าการสอบสวนคดีนี้ทำเสร็จก่อนหมดอายุความแน่นอนซึ่งเหลืออีก 4 เดือน เพราะเวลาทำคดีไม่มีใครมาบอกว่าอีกสี่เดือนเขาจะตายแล้ว ถ้าคดีชัดเจนก็ต้องทำหน้าที่ไม่งั้นจะโดน 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่.