สว. เตรียมลงมติลุยสอบดีเอสไอ ใช้อำนาจมิชอบสอบคดีฮั้วเลือก สว. 2567 ประธานวุฒิฯ ฉุนใช้อำนาจฝ่ายบริหารเป็นเครื่องมือทำลายวุฒิสภา พร้อมให้ตรวจสอบ แต่ต้องเป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ อัดไม่ใช่ก่อการร้าย ตั้งข้อหาอั้งยี่
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ที่รัฐสภามีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) โดยมี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม หารือกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะพิจารณารับคดีการฮั้วเลือก สว. ปี 2567 เป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเป็นการประชุมลับ ไม่ให้สื่อมวลชนไปเก็บภาพการประชุมเหมือนปกติ ใช้เวลาประชุมราว 1 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม นายมงคล แถลงว่า ที่ประชุมมีมติร่วมกันว่ากรณีดีเอสไอจะพิจารณารับคดีฮั้วเลือก สว. เป็นคดีพิเศษนั้น เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องถูกตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เพราะเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ระบุให้การเลือก สว. ทำโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อไม่ให้ถูกแทรกแซงจากฝ่ายบริหาร คณะรัฐมนตรี (ครม.) และการดำเนินคดีการเลือก สว. เป็นอำนาจ กกต. โดยเฉพาะการที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะให้คณะกรรมการคดีพิเศษมีมติรับคดีฮั้วเลือก สว. ปี 2567 เป็นคดีพิเศษ โดยที่ กกต. ยังไม่ได้ดำเนินการเรื่องดังกล่าว จึงไม่ชอบด้วยอำนาจของดีเอสไอ
...
อีกทั้ง การตั้งข้อหาอั้งยี่และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรกับ สว. เป็นการตั้งข้อหาไม่ชอบด้วยกฎหมาย เรื่องนี้ไม่ใช่ก่อการร้าย กระทบความมั่นคงรัฐ เป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหารเป็นเครื่องมือ ส่อเจตนาทำลายวุฒิสภา ด้วยการเผยแพร่เอกสารลับ ให้ สว. ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง สว. ไม่กลัวการตรวจสอบ ให้ความร่วมมือกับองค์กรที่มีอำนาจคือ กกต. มาตลอด ขอเอกสารก็ส่งให้ เรียกบุคคลไปให้ถ้อยคำก็ไป แต่ผู้ไม่มีอำนาจหน้าที่พยายามเข้ามาแทรกแซงตรวจสอบเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่ดีเอสไอรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ มองเป็นการล้ม สว. ชุดนี้ หรือรับใบสั่งจากใครหรือไม่ นายมงคล ตอบว่า ไม่อาจทราบเจตนารมณ์ของใคร แต่พฤติการณ์ต่างๆ ทั้งการประโคมข่าว การให้ข่าว เผยแพร่เอกสารลับ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณดู ส่วนจะนำข้อมูลที่ได้ไปให้ฝ่ายค้านเพื่อซักฟอกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น สว. ไม่มีความคิดจะทำเช่นนั้น ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจและยุติธรรม การออกมาตอบโต้ของ สว. กับฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ความขัดแย้ง แต่เป็นการปกป้องสิทธิ ส่วนกระแสข่าวมีการโทรศัพท์ล็อบบี้คณะกรรมการคดีพิเศษนั้น ไม่ทราบ
ทางด้าน พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 กล่าวยืนยันว่า การที่ สว. จะใช้อำนาจยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี เป็นการทำตามอำนาจหน้าที่ของ สว. ในการตรวจสอบองค์กรที่ดำเนินการดังกล่าว กระบวนการตรวจสอบของ สว. ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายเช่นกัน โดยเตรียมการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติในวุฒิสภา การตั้งกระทู้ถาม เพื่อให้บุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งตามไทม์ไลน์แล้วน่าจะทันในปีนี้
ขณะที่ นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 กล่าวว่า แม้ดีเอสไอระบุว่าการดำเนินคดีของดีเอสไอเป็นส่วนของคดีอาญา ไม่เกี่ยวกับ กกต. สามารถดำเนินการได้นั้น แต่การสืบสวนเบื้องต้นเป็นหน้าที่ของ กกต. เรื่องการได้มาซึ่ง สว. ก็จะมีกฎหมายอาญาตามมาภายหลัง เมื่อถามว่าดีเอสไอระบุว่าโพยฮั้วเลือก สว. ตรงกันถึง 138 คนจาก 140 คน มีมูลพอจะตรวจสอบหรือไม่ นายบุญส่ง ตอบว่า เป็นหน้าที่ กกต. ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ.