“วราวุธ ศิลปอาชา” ยืนยัน กระทรวง พม. ชง ครม. พิจารณาเบี้ยผู้สูงอายุพันบาทถ้วนหน้า อยู่ขั้นตอนรอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประณามคนขาย-ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าให้เด็ก เอาสมองส่วนไหนมาคิด หรือคิดถึงแค่กำไร
วันที่ 21 ก.พ. 2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเสนอร่างพระราชบัญญัติบำนาญพื้นฐานถ้วนหน้า พ.ศ. .... ที่จะให้ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน ไว้ก่อนหน้านี้ ว่า เนื่องด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันเงินทุกบาทล้วนแล้วแต่จะช่วยบรรเทาภาระพี่น้องประชาชนได้ อยากขอให้นึกถึงรายได้ของภาครัฐด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คือ 600, 700, 800 และ 1,000 บาทต่อเดือน ซึ่งใช้งบฯ เกือบหนึ่งแสนล้านบาท และถ้าปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นแบบถ้วนหน้า 1,000 บาท ตามที่กระทรวง พม. ได้เสนอให้กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณานั้นจะใช้งบฯ เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.7-1.8 แสนล้านบาท ดังนั้นต้องดูและรับฟังความเห็นจากสำนักงบประมาณ แต่ถ้าเพิ่มเงินเป็น 3,000 บาทถ้วนหน้านั้นต้องใช้งบฯ กว่า 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งวันนี้เรามีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ ดังนั้น ถ้าให้เงิน 3,000 บาทแล้วจะก่อให้เกิดปัญหาในส่วนอื่นๆ ที่จะต้องใช้งบประมาณ ตนคิดว่าเราควรดำเนินการทีละขั้นตอนดีกว่า หากประเทศไทยมีเศรษฐกิจดีขึ้น แล้วมีงบประมาณเพียงพอที่จะให้เงิน 3,000 บาท ทางกระทรวง พม. เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งวันนี้เรามีรายรับไม่เพียงพอที่จะมาสนับสนุนรายจ่ายที่จะเกิดขึ้น
นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอเรื่องปรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นแบบถ้วนหน้า 1,000 บาท ตามที่กระทรวง พม. เสนอให้ครม. พิจารณาแล้ว และอยู่ขั้นตอนที่ ครม. จะขอความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ รวมถึงกระทรวงการคลัง ขอย้ำว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา
...
ประณามคนขาย-ผลิตบุหรี่ไฟฟ้าให้เด็ก เอาสมองส่วนไหนมาคิด
นายวราวุธ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ปัจจุบันเด็กเล็กสามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าง่ายขึ้น และปรากฏว่ามีเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาสูบบุหรี่ไฟฟ้า จนทำให้ปอดหายจนต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ว่า ปัญหานี้ในประเทศไทยมีมาตรการและกฎหมายหลายเรื่องแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบังคับใช้ และที่สำคัญที่สุดคือพ่อแม่ที่จะต้องดูแลลูก ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตนขอประณามคนที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็ก เนื่องจากจำนวนเด็กในประเทศไทยมีน้อยมากแล้วอัตราเด็กเกิดใหม่ในปีที่ผ่านมาก็มีจำนวน 400,000 กว่าคน เมื่อมีเด็กจำนวนน้อยอยู่แล้ว คนไทยด้วยกันเองยังจะมาทำลายทรัพยากรบุคคลที่เรามีอยู่น้อยกว่านี้อีก วันนี้เราจะต้องดูแลเด็กและจะต้องประคบประหงมทำให้เขาเติบโตขึ้นมาเป็นทรัพยากรของชาติ แต่คนขายหรือคนผลิตบุหรี่ไฟฟ้านั้น จะเป็นคนทำให้เด็กเหล่านี้เปลี่ยนสภาพจากทรัพยากรของชาติมาเป็นภาระของชาติ
นายวราวุธ กล่าวว่า ขอให้คนขายหรือคนผลิตบุหรี่ไฟฟ้าเปลี่ยนความคิด ถ้าทำผิดไปแล้วขอให้คิดใหม่ ถ้าหากเกิดกับลูกหลานของคนขายเองและทำให้ปอดหายจนเสียชีวิตขึ้นมา ตนเชื่อว่าคนขายคงไม่ชอบ หรือแม้แต่คนผลิตบุหรี่ไฟฟ้า ตนไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด หรือคิดถึงเพียงแค่กำไร และคิดถึงเพียงแค่การตลาด อยากจะขายของเท่านั้น สำคัญที่สุดตนขอฝากพ่อแม่ผู้ปกครองทุกคนว่าลูกของท่านคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตของครอบครัว ของสังคมไทย ขอให้ดูแลลูกหลานให้ดี และกระทรวง พม. ยินดีที่จะทำงานพร้อมกับทุกฝ่ายเพื่อสร้างสถาบันครอบครัวให้เข้มแข็ง ส่วนพ่อแม่ผู้ปกครองต้องคอยดูแลลูกหลาน และทำครอบครัวให้อบอุ่น พร้อมทั้งช่วยกันปกป้องเด็กและเยาวชนของเรานั้นจากสิ่งที่ไม่ดีในอนาคต