“อนุทิน” บอกเป็นผู้ใหญ่ ไม่เรียกร้องความรับผิดชอบ หลัง “ธนดล” ยอมรับเอง ปมที่ดินเขาใหญ่ไม่ผิดกฎหมาย สอนมวยคนการเมือง ห้ามพูดเท็จ-ใส่ร้าย เพราะจะหมดความน่าเชื่อถือจากสังคม อบรม “ไอติม” อย่ามโน ดีลแก้รัฐธรรมนูญ แลกกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
วันที่ 20 ก.พ. 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ยอมรับผ่านการให้สัมภาษณ์ในช่องข่าวแห่งหนึ่ง ว่าผู้ถือครองที่ดินในพื้นที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา รวมถึง “แรนโชชาญวีร์” เป็นการได้มาที่ถูกต้อง ไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย ว่า ที่ฟังจากข่าวครอบครัวของตนที่ซื้อที่ดินมาโดยมีโฉนดจากกรมที่ดินอย่างไรก็ไม่ผิด ไม่ต้องให้นายธนดลบอก มันผิดไม่ได้ เพราะเราซื้อมาจากเอกสารราชการ ซึ่งนายธนดล บอกว่าไม่ผิดเขาก็พูดถูกอยู่แล้ว เพราะคนถือครองโฉนดไม่มีความผิด แต่เขาบอกว่าต้องไปดูก่อนว่าที่ดินนี้มาได้อย่างไร ซึ่งคนที่ถือครองที่ดินไม่มีทางไปทราบด้วยอยู่แล้ว และตอนนี้ตนโชคดีที่อยู่กระทรวงมหาดไทย จึงไปถามกรมที่ดิน เขาเลยบอกให้โทรศัพท์ทางไกลไปถามคนที่ออกโฉนดเมื่อ 70 ปีก่อน ซึ่งคงต้องไปจุดธูปถาม
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายธนดล พยายามโยงว่าเป็นที่ดินผิดกฎหมาย แต่ตอนนี้กลับมารับเองว่าผู้ถือโฉนดแรนโชชาญวีร์ไม่ผิดกฎหมาย จะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าในทางการเมืองจะไปฟ้องกันไปมานั้นไม่มีประโยชน์
“สิ่งที่ทางการเมืองถือที่สุด การใส่ร้ายป้ายสี และนำข้อมูลอันเป็นเท็จมาพูด ก็ดูสิใครเอาเรื่องเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีมาพูดก็จะไม่มีความน่าเชื่อถือ ต่อไปพูดอะไรคนก็จะไม่เชื่อ เอาเป็นว่าถ้าจะเล็งครอบครัวผม และหวังกระทบชิ่งมาที่ตัวผม คิดว่าทำไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะอย่างไรก็ไม่มีความผิดในโทษทางอาญา เพราะเราสามารถพิสูจน์ได้ เราซื้อที่ดินมาถูกต้อง เพราะซื้อมาจากชาวบ้านไม่ได้ครอบครองมาก่อน ถามว่าแค่นี้เราจะฟ้อง เราผู้ใหญ่แล้ว คนที่อยากทำเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องขึ้นมาก็ให้สังคมตัดสิน และพิพากษาเอาเอง ไม่เป็นไรหรอกเรื่องแค่นี้ อย่างที่เคยบอก ทนแค่นี้ไม่ได้จะมาอยู่การเมืองได้อย่างไร เพราะโดนเรื่องอื่นหนักกว่าเยอะ เพราะหากทำผิดจริง แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ แต่หากไม่ผิดยังไงก็ไม่ผิด” นายอนุทิน กล่าว
...
“อนุทิน” อบรม “ไอติม” อย่ามโน ดีลแก้ รธน. แลก กม.กาสิโน
นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุว่า รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญแบบเดินอ้อม แต่สถานบันเทิงครบวงจร กับเดินหน้าเต็มสปีด ว่า คนไม่รู้เรื่อง พูดออกไปก็เสียหาย เขาคุยกันมากี่เดือน ต่อกี่เดือนแล้ว เรื่องก็ยังไม่จบ ร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ยังไม่ผ่าน ยังไม่บรรจุเลย ส่วนเรื่องแก้รัฐธรรมนูญมาถามตนไม่ได้ ต้องไปถามพรรคเพื่อไทยเพราะตนไม่ใช่คนเริ่ม
เมื่อถามว่า นายพริษฐ์ต้องการให้รัฐบาล มีเจตจำนงแก่รัฐธรรมนูญให้ชัดเจนนั้น นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกฎหมาย ที่เสนอโดยพรรคการเมือง ผ่านระบบนิติบัญญัติ ไม่ได้ผ่านฝ่ายบริหาร หรือคณะรัฐมนตรี(ครม.) และไม่มีการหารือเรื่องนี้ในที่ประชุมครม. ดังนั้นไม่เกี่ยวข้องกัน อย่าไปโยง มันถูกต้องแต่อาจจะไม่ถูกใจ แต่เราก็ต้องเอาความถูกต้องไว้ก่อน และในเมื่อไม่ได้ผ่านที่ประชุมครม. ก็ถือว่าไม่เป็นกฎหมายของรัฐบาล
เมื่อถามว่า นายพริษฐ์มองว่ามีการแลกดีลอะไรกันหรือไม่ระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นายอนุทินกล่าวว่า “ไม่มี ต้องไม่มโน มโนไปเรื่อยๆ มันก็จะมีวาทกรรม ถ้ารัฐธรรมนูญแก้ไขแล้วเป็นประโยชน์กับประชาชน อย่าว่าแต่ยกมือเดียว จะยกสองมือเลยแต่หากเป็นประโยชน์ต่อคนคนเดียว หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ยังไงก็ไม่ผ่านหรอก”
เมื่อถามว่า มองว่าพรรคประชาชนดันทุรังไปหรือไม่ นายอนุทินร้องโอ๊ยพร้อมกล่าวว่าคนเรามันต้องดันทุรัง คำว่าดันทุรังไม่ใช่คำเสียหาย แต่ต้องดูว่า อะไรที่ทำแล้วทำได้แล้วถูกกฎหมาย ตอบส่วนรวมถึงเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมสูงสุด อันนี้ต้องดันทุรัง ใครมาขวางก็ต้องแก้ให้ได้ แต่ต้องเป็นไปตามระบบนิติธรรม และจริยธรรม
เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การทำประชามติสามารถทำ 2 ครั้งได้ มองว่าครม. จะต้องเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประกบ ไปด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องไปถามครม. ว่าแต่ละพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล มีนโยบายอย่างไร แต่หากถามพรรคภูมิใจไทย เราบอกแล้วว่า ต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 รวมถึงมาตรา 112 ต้องไม่เปลี่ยนและไม่ปรับ ส่วนเรื่องอื่นๆก็ค่อยมาหารือกัน