“ภูมิธรรม-หลิว จงอี้-รัฐมนตรีมหาดไทยเมียนมา” ส่งกลับชาวจีน จับมือร่วมไตรภาคีจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยันจีนไม่ละเมิดอำนาจอธิปไตย ย้ำส่งคนมาไทยครั้งหน้า ทูตต้องมารับเองเท่านั้น ด้าน “หลิว จงอี้” ยิ้มพยักหน้ารับ ภารกิจวันแรกสำเร็จ
วันที่ 20 ก.พ. 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายอ่อง จอจอ รัฐมนตรีมหาดไทยเมียนมา เดินทางถึงสนามบินนานาชาติแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อเป็นสักขีพยานในการส่งกลับชาวจีนล็อตสุดท้ายจำนวน 48 คนกลับประเทศ ที่วันนี้รัฐบาลจีนส่งเครื่องบินพร้อมเจ้าหน้าที่มารับ โดยยืนยันล่าสุดวันนี้มีการส่งตัวชาวจีนกลับทั้งหมด 198 คน
ทันทีที่เครื่องบินลงจอด นายภูมิธรรม และนายหลิว จงอี้ นายอ่อง จอจอ ได้เดินตรงมาที่จุดส่งตัวชาวจีน ซึ่งนั่งรถบัสมาจอดประชิดเครื่องบิน พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองชาวจีน ซึ่งทั้ง 3 คนได้ยืนดูการปฏิบัติงานในการส่งตัวกลับพร้อมกับสื่อมวลชน หลังจากนั้นได้เข้ามารับฟังรายงานในห้องรับรองพิเศษก่อนจะมาร่วมกันแถลงข่าว

...
โดยนายภูมิธรรม กล่าวว่าวันนี้นายหลิว จงอี้ จะไม่ร่วมแถลงข่าวด้วยเพราะจะต้องเดินทางกลับ แต่วันนี้ทั้ง 3 ประเทศจะมาร่วมจับมือกันเพื่อยืนยันถึงความร่วมมือในการเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ส่วนเรื่องระบบไบโอเมตริกซ์ ที่หลายคนมีการตั้งข้อสังเกต ว่าทางการไทยมีการตรวจสอบหรือไม่นั้น ยืนยันว่ากระบวนการนี้เจ้าหน้าที่จะต้องมีการให้เหยื่อเข้าสู่กระบวนการทุกคน หากไม่ทำตัวเจ้าหน้าที่เองต้องมีความผิดและรับโทษ ซึ่งไม่มีใครเอาตัวเองไปเสี่ยง ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการสอดแทรกชาวอุยกูร์ไปในเที่ยวบินของชาวจีนวันนี้นั้น ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่มีแน่นอนและทุกขั้นตอนสามารถตรวจสอบได้ ส่วนกรณีที่ไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปถ่ายภาพใบหน้าของคนจีน ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีทั้งที่เป็นเหยื่อจริงๆ และเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่พยายามตีเนียน หลังจากนี้จะมีการส่งต่อข้อมูลของทั้ง 3 ประเทศ ซึ่งจะต้องเห็นแก่เหยื่อและผู้ประสบภัยในครั้งนี้ด้วย

สำหรับเรื่องการตั้งค่ายอพยพ ประเด็นนี้ ไม่มีการอนุญาตให้ใครเข้ามาตั้งค่ายในประเทศไทยทั้งสิ้น เพราะไทยไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะมารับผู้อพยพและมีค่ายอพยพ เพราะที่มีอยู่ขณะนี้ก็ยังมีปัญหาอยู่ หากจะมีการส่งตัวเหยื่อมาให้ฝั่งไทย ต้องมีกระบวนการที่พร้อมรับเหยื่อกลับไปในประเทศนั้นทันที ไม่ใช่เพียงแค่ประเทศจีน ส่วนประเทศที่กระบวนการอาจจะยากหน่อยคือฝั่งของทวีปแอฟริกา เพราะประเทศในทวีปนี้ไม่ได้มีสถานทูตในประเทศไทยทั้งหมด ส่วนกรณีของจีนที่ทางการไทยยอมให้ผ่านเข้ามารับเหยื่อทางท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอดนั้น เนื่องจากเขาให้เหตุผลว่า การที่จะไปรับเหยื่อจากเมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา เส้นทางค่อนข้างอันตรายและมีระยะทางไกล จึงมีการขออนุญาตทางการไทย ซึ่งทางการไทยเห็นว่าสามารถที่จะอนุญาตและสามารถให้การช่วยเหลือได้ เพราะเรื่องนี้เป็นภัยคุกคามของโลก มีผู้คนที่ถูกหลอกให้ไปเป็นเหยื่อด้วยส่วนหนึ่ง จึงแก้ปัญหาด้วยการช่วยเหลือตรงนี้ ส่วนมาตรการต่างๆ ที่ปฏิบัติไปก่อนหน้านี้ยังไม่มีการยกเลิก และจะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมาตรการต่างๆ นั้นได้ผลและมีการตื่นตัวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านพยายามสะท้อนถึงมาตรการตัดไฟ ตัดน้ำมัน ตัดอินเทอร์เน็ต ให้เสนอมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว อย่ามาใช้เป็นประเด็นทางการเมืองในการดิสเครดิตรัฐบาล เพราะเรื่องนี้ถือเป็นความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถ้าจัดการไม่ดีจะส่งผลให้เกิดผลกระทบ ซึ่งส่วนใหญ่รัฐบาลพยายามใช้กระบวนการที่เปิดเผย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมของโลก บางเรื่องยังต้องมีกระบวนการในการจัดการ และไม่สามารถเปิดเผยทุกอย่างได้ ถ้าพูดผ่านสื่อหมดก็ไม่สามารถที่จะจับคนร้ายได้

ส่วนกรณีที่นายหลิว จงอี้ ไม่มาแถลงข่าวด้วยกันนั้น จากการสอบถามเขาไม่ประสงค์ที่จะแถลงข่าว แต่จะขอยืนถ่ายรูปให้เห็นถึงความร่วมมือกันของ 3 ประเทศ ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงกลไกการคัดกรองระบบ NRM ว่าทางการไทยมีการตรวจสอบหรือไม่ ขอยืนยันว่าประเด็นนี้มีการตรวจสอบอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่ทำก็ถือว่ามีโทษ และชาวจีนชุดนี้ที่ออกนอกประเทศไปถือเป็นบุคคลต้องห้าม ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้อีก ขณะที่ผลการคัดกรองเหยื่อ 200 คนส่งตัวกลับประเทศจีนวันนี้ จะเป็นเหยื่อหรือเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่นั้นประเด็นนี้ขอยังไม่ตอบคำถาม
นายภูมิธรรม ระบุถึงข้อเสนอ 4 ข้อที่นายหลิว จงอี้ ได้เสนอมานั้น ทางการไทยได้ทำอยู่แล้วในบางข้อ แต่บางข้อที่จะให้ทำ ตอนนี้ยังไม่ขอตอบ ขึ้นอยู่กับการประชุมไตรภาคีที่จะเกิดขึ้น
เมื่อถามว่าจำนวนคนที่ทางกองกำลังกระเหรี่ยง BGF และ D.K.B.A จะส่งกลับมีมากถึง 7,000 คน จริงหรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่ายังไม่สามารถระบุได้ รับทราบว่ามีความพยายามปราบและจะทยอยส่งคน ซึ่งจะมีการส่งรายชื่อมายังทางการไทยก่อน ส่วนรายชื่อตัวการของจีนที่ส่งให้ทางการไทย 3,700 รายชื่อนั้น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าจะขึ้นแบ็คลิสต์ได้ ต้องรอดูผลการปราบปรามก่อน
เมื่อถามถึงมาตรการตัดไฟฟ้าและระงับส่งน้ำมัน ผ่านมา 15 วัน นายภูมิธรรมระบุว่าได้ผล เกิดความตื่นตัว กลุ่มกองกำลังได้ประกาศไม่เห็นด้วยจนมีมาตรการปราบปรามในวันนี้ ถ้าไม่มีกระบวนการ 3 ตัดเราในวันนี้คงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้ ส่วนการส่งคนจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตอนนี้ขอให้ส่งจำนวนเท่านี้ ส่วนครั้งหน้าจะต้องรอให้ทางการเมียนมาส่งรายชื่อและรายละเอียดมาให้ทางการไทยตรวจสอบก่อน เพื่อให้เราติดต่อเอกอัครราชทูตประเทศต้นทางมารับประชาชนของเขาเอง รวมถึงประเทศจีนด้วย ซึ่งที่เราทำประเทศไทยได้รับคำชมจากประชาคมโลกได้ช่วยเหลือประชาชนของประเทศเขาได้

ส่วนจำนวนคนจากคอลเซ็นเตอร์ที่รวบรวมได้ประมาณ 2,000 คน นายภูมิธรรมก็จะใช้วิธีการส่งกลับในลักษณะเดียวกันเป็นกลุ่มจำนวน 200 คนเช่นเดียวกับจีน
ขณะที่กลุ่มเหยื่อที่ตกค้าง เช่นกลุ่มคนประเทศเอธิโอเปีย แอฟริกา นายภูมิธรรมกล่าวว่า แผนคือการติดต่อสถานทูตให้เอาคนกลับไป ถ้ายังติดต่อไม่ได้คนเหล่านี้ยังคงต้องอยู่ฝั่งเมียนมา ซึ่งทั้งหมดจะไม่รับเข้าประเทศไทย เราเป็นเพียงประเทศที่อำนวยความสะดวกในการรับกลับเท่านั้น โดยปฏิบัติกับทุกชาติเหมือนกัน
เมื่อถามถึงมาตรการซีลชายแดน และการตรวจตู้คอนเทนเนอร์ที่นำเข้ามาจากจีนผ่านท่าข้ามไทยไปส่งให้กลุ่มทุนจีนโดยไม่สามารถเปิดตู้คอนเทนเนอร์ตรวจสินค้าต้องห้ามส่งให้เมียนมาได้ นายภูมิธรรม ระบุว่า ตรวจสอบได้ครับ เรากำลังเตรียมการอยู่ เราจัดการได้ จะเข้มข้นหรือไม่อยู่ที่ผล และการประเมิน
นายภูมิธรรม ยังระบุอีกว่า หลังจากนี้จะรีบตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือ หรือ ศปช.เพื่อให้มีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน กำหนดอำนาจการทำงานให้ชัดเจน ซึ่งตนในฐานะรองนายกรัฐมนตรีได้เสนอ โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ลงนาม
“หลิว จงอี้” ยิ้มพยักหน้ารับ ภารกิจส่งคนจีนกลับประเทศวันแรกสำเร็จ
จากนั้นนายภูมิธรรม พร้อมด้วยนายหลิว พร้อมคณะ ได้เดินทางออกจากสนามบินแม่สอดจังหวัดตากมายัง บน.6 โดยก่อนนายภูมิธรรมจะเดินทางกลับ นายหลิว ยกมือนิ้วโป้งให้ขอบคุณนายภูมิธรรม
หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวสอบถามนายหลิว จงอี้ว่า ภารกิจวันนี้สำเร็จเรียบร้อย โดยเจ้าตัวได้หันมายิ้มและพยักหน้า ก่อนจะเดินทางกลับพร้อมคณะ
