“ภูมิธรรม” ให้ความมั่นใจมีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ก่อนส่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีน ย้อนถาม “รอมฎอน” ปล่อยข่าวซุกอุยกูร์กลับด้วย หวังผลการเมืองหรือดิสเครดิตรัฐบาล ได้คะแนนเพิ่มหรือ
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามดูแลการดำเนินการส่งกลับคนจีนกลับประเทศ พร้อมกล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนระบุว่าการทำข่าวนั้นเข้าพื้นที่ได้ลำบาก ว่า ปกติไม่ได้ห้าม แต่กรณีนี้เรายังต้องอะไรอีกหลายเรื่อง และไม่ได้ปิดถึงขนาดว่าไม่เห็นว่าทำอะไร ต้องทำความเข้าใจว่าหลายเรื่องยังพูดไม่ได้ และเป็นความร่วมมือหลายส่วน เมื่อวานนี้ตนได้คุยกับรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อขอความร่วมมือในการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่อยากให้หนีเข้าไปในลาวเพื่อทำธุรกิจนี้อีก ขณะที่วันนี้ (20 กุมภาพันธ์ 2568) ได้มีการหารือในที่ประชุมที่นายกรัฐมนตรีของลาวเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ว่า ถ้าช่วยกันได้ก็ดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีลาวได้แถลงชัดเจนว่าจะร่วมกันแก้ปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์
...
ซัด ปชน. ปล่อยข่าวซุก “อุยกูร์”
นายภูมิธรรม ยังกล่าวถึงเพจของ นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลงข้อมูลให้จับตาว่าจะมีการซุกอุยกูร์ในกระบวนการส่งคนกลับด้วยว่า “อย่าทำแบบนี้เลย พูดแบบนี้ทำให้คนแตกตื่น และดูรัฐบาลไม่ค่อยดี มันยังไม่ได้เป็นแบบนั้น ผมไม่อยากให้ สส.พรรคประชาชน หรือหลายท่านที่ทำอยู่ อย่าใช้สถานการณ์นี้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและดิสเครดิตรัฐบาล การโพสต์ของนายรอมฎอน ดูแล้วมันเกินเลย ที่บอกว่าให้จับตามองว่ามีการซุกอุยกูร์ พูดแล้วมันได้อะไร พรรคประชาชนได้คะแนนเพิ่มหรือ ผมไม่อยากตอบโต้ แต่ข้อเท็จจริงเป็นแบบนั้น”
จากนั้นกล่าวถึงขั้นตอนการทำข่าวส่งคนจีนกลับประเทศ ว่า ในบางส่วนเจ้าของประเทศไม่ต้องการให้ถ่าย บางครั้งเราถ่ายภาพไม่รู้ว่าคนผิดหรือคนถูก กลายเป็นเราเอาหน้าตาของคนที่ไม่เกี่ยวข้องและจะถูกตีความผิด จะกลายเป็นว่าเราละเมิดสิทธิเขา
ยันเก็บอัตลักษณ์ก่อนส่งตัว พบหลักฐานสวนทางถูกหลอก
นายภูมิธรรม ยืนยันด้วยว่า การส่งคนกลับประเทศมีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ ทำถูกกฎหมายทั้งหมด ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ “ถ้าผิดเรื่องนี้โดนมาตรา 199 โทษมันหนัก ไม่เอาชีวิตพวกผมมาเสี่ยงกับสิ่งเหล่านี้หรอก” สิ่งที่ทำเป็นการทำตามกระบวนการ ประเทศไทยเสียสละที่จะทำเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจน การดำเนินการต่างๆ เป็นการขอร้องจากประเทศต่างๆ โดยประเทศจีนมีคนเป็นจำนวนมาก ส่วนประเทศอื่นมีมากบ้างน้อยบ้าง ประเทศเอธิโอเปียก็มีมากกว่าใคร
“บางกรณีให้ข้อมูลกับสถานทูตว่าถูกหลอกไป แต่จากการตรวจสอบดูภาพไม่ได้ถูกหลอก ที่อ้างว่าเมื่อถึงประเทศไทยแล้วถูกโปะยาสลบ แต่จากภาพที่ปรากฏเดินลงเครื่องบินตามปกติ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เรากังวลใจ ดังนั้นจึงต้องรอบคอบให้มากที่สุด”
ในช่วงท้าย นายภูมิธรรม ระบุว่า ขอให้เราทำงาน เชื่อว่าวันนี้รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว ไม่ได้จบแค่นี้ กำลังตามแกะรอย แต่ถ้าพูดมากไปจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ลำบาก ขอให้จบงานนี้แล้วมาสรุป ถ้ามีปัญหาหรือผิดพลาดจุดไหน ให้จัดการได้ตามกฎหมาย ตามสบาย.