“นฤมล” รมว.เกษตรฯ มั่นใจ หลังสั่ง Set Zero ทุเรียนไทยไร้สารปนเปื้อน คาดปี 68 ยังครองส่วนแบ่งตลาดในจีน 57% พร้อมเร่งแก้โรคมือเท้าปากเปื่อยในโค ตั้งเป้าลุยขยายตลาดส่งออกจีน


วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังจากที่ได้เดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า มีโอกาสพบกับ ดร.ซุน เหมยจุน รัฐมนตรีว่าการสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) และพูดคุยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าผลไม้จากไทยไปยังจีนว่ามีการดำเนินการอะไรไปบ้าง เพราะจีนนำเข้าผลไม้จากไทยเป็นอันดับ 1 และทุเรียนเป็นสินค้าที่นำเข้ามากที่สุด จึงจำเป็นจะต้องดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยไทยส่งออกทุเรียนไปจีนเฉลี่ยปีละ 1.3-1.4 แสนล้านบาท คาดว่าในปี 2568 ไทยจะส่งออกทุเรียนไปจีนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งทุเรียนไทยยังครองส่วนแบ่งตลาดในจีนถึง 57% และผู้บริโภคจีนยังให้การยอมรับทุเรียนไทยมาก

สำหรับการดูแลผลไม้โดยเฉพาะทุเรียน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ได้รับรายงานถึงปัญหาในการพบสารปนเปื้อน ได้ให้กรมวิชาการเกษตรออกประกาศให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด และเรียกคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (fruit board) สั่งการเร่งด่วนให้ตรวจสอบสาร Basic Yellow 2 (BY2) แคดเมียม และหนอนในสินค้า พร้อมเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการตรวจสอบ (แล็บ) ที่จะสามารถตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าจะไม่มีสารปนเปื้อนในทุเรียน

“ตอนนั้นมีแล็บที่มีความพร้อม 4-5 รายที่ให้การตรวจสอบได้ แต่ปัจจุบันจำนวนห้องแล็บเริ่มมีมากขึ้น พร้อมที่จะให้ตรวจสอบสินค้าได้แล้ว เพราะได้มอบนโยบายให้กับกรมวิชาการเกษตร ในการเร่งตรวจสอบให้มีความเร็วขึ้น และเพิ่มจำนวนแล็บในการรองรับการตรวจสอบ เพราะทุเรียนถือว่าเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

...

รมว.เกษตรฯ ยังกล่าวต่อด้วยว่า กระทรวงเกษตรฯ มีความพยายามที่จะเปิดตลาดโคเนื้อและโคมีชีวิตไปยังตลาดจีนตั้งแต่ปี 2562 และส่งรายงานให้กับ GACC หน่วยงานของจีน ซึ่งได้สอบถามมายังไทยเมื่อปีที่ผ่านมา เรารายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าว่า ไทยได้มีการเตรียมพื้นที่ค่ายกักกันโรคสำหรับโคมีชีวิต เพื่อสร้างความมั่นใจว่าโคมีชีวิตจะไม่ติดโรคก่อนที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งพื้นที่กักกันเราได้ใช้พื้นที่จังหวัดเชียงราย และเมื่อระยะเวลาในการกักกันครบ มีการตรวจโรค เราจะนำโคมีชีวิตขนส่งผ่านเส้นทางเดินเรือ ล่องแม่น้ำโขงและขึ้นที่ท่าเรือคลองจีน และอีกช่องทางคือผ่านการขนส่งทางรถไฟ จากกรุงเทพฯ-หนองคาย-สปป.ลาว-จีน ซึ่งหน่วยงานจีนรับทราบและอยู่ระหว่างการประเมินความเสี่ยง และรอความเห็นจากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯของจีน

“ตอนนี้อยู่ระหว่างรอรับการประเมินผลของจีนว่าจะตอบรับหรือให้ความคิดเห็นอย่างไร เพื่อให้เราสามารถส่งโคเนื้อและโคมีชีวิตไปยังตลาดจีนได้ เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดจีนมีความต้องการสินค้าดังกล่าวสูงมาก แต่ประเทศไทยยังติดปัญหาประเทศที่อยู่ในลิสต์ของการติดโรคระบาดของมือเท้าปากเปื่อยในสัตว์ ซึ่งการที่จะนำไทยออกจากลิสต์เป็นเรื่องที่ยาก แต่ล่าสุดได้มีการประชุม Beef Board (คณะกรรมการนโยบายพัฒนาโคเนื้อ-กระบือ และผลิตภัณฑ์แห่งชาติ) เห็นชอบให้เร่งหางบประมาณเพื่อนำวัคซีนฉีดให้สัตว์เพื่อป้องกันโรคได้ 100% ซึ่งที่ผ่านมาวัคซีนป้องกันโรคได้เพียง 50-60% ต้องยอมรับว่างบประมาณที่ได้แต่ละปียังไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงอยู่ระหว่างการผลักดันต่อไป”