ถอดรหัส “โอกาสไทยกับนายกฯ แพทองธาร” ตอนพิเศษ เยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ชูไทยได้ประโยชน์ทั้งความมั่นคง - การค้าการลงทุน - ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ตอนพิเศษ การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาส 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT2HD และวิทยุเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ทั่วประเทศ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปการจัดรายการของนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในโอกาสที่ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปีในปีนี้ ในช่วงการเยือนยังได้พบผู้นำจีนทั้ง 3 ระดับ คือ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง, ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน, นายจ้าว เล่อจี้ และนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ซึ่งเป็นเรื่องน่าภูมิใจ เพราะการได้พบผู้นำประเทศจีนทั้ง 3 ระดับนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้ง ถือเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย
ทั้งนี้ มีการหารือถึงการส่งมอบหมีแพนด้ายักษ์ 2 ตัวมาไทย การสร้างซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ 72 พรรษา พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาชมความสวยงามของซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายน ที่มีเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและตำรวจท่องเที่ยวจะดูแลพี่น้องนักท่องเที่ยวจีนเป็นอย่างดี พร้อมทั้งเล่าเรื่องพระเขี้ยวแก้วให้สื่อมวลชนจีนรับทราบ ต่างฝ่ายชื่นชมซึ่งกันและกัน รวมถึงแผนงาน ความสัมพันธ์ระหว่างกันในอีก 50 ปีต่อจากนี้ของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี และช่วยเหลือเกื้อกูลกันแบบนี้ นี่คือธีมที่ 2 ประเทศได้คุยกัน
...

สำหรับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้ง 2 ประเทศพูดคุยอย่างจริงจัง ประธานาธิบดีจีนชื่นชมไทยที่จัดการเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเด็ดขาด และจะตั้งทีมทำงาน 2 ทีมเพื่อช่วยกันในเรื่องนี้ โดยจีนประสงค์จะช่วยมากกว่านี้ แต่ได้ขอแค่การตั้ง 2 ทีมที่จะสามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศช่วยกำกับดูแลในการพูดคุยของทั้ง 2 ทีม ให้พูดคุยแล้วสามารถหาข้อสรุปได้ทันที นับว่าเป็นเรื่องที่ได้ประโยชน์
นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือด้านซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ระหว่างกัน เช่น มวยไทย ร้านอาหารไทย ว่าจะทำอะไรกับจีนได้บ้าง โดยจะมี Working Team มาติดต่อกันอีกครั้ง ส่วนสินค้าเกษตรของไทย จะให้จีนกับไทยร่วมกันกำหนดมาตรฐานเพื่อให้มีมาตรฐานเท่ากัน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะรับไปดำเนินการต่อ เพื่อให้ผู้ประกอบการเสียต้นทุนน้อยที่สุด มีกำไรมากขึ้น เกิดความสะดวกเพิ่ม เป็นการเปิดช่องทางสินค้าเกษตรไทย ทางด้านประธานาธิบดี กล่าวว่า ชอบทุเรียนหมอนทองและมะม่วง นายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นคนไทยพอได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจ
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงรถไฟความเร็วสูง และโครงการแลนด์บริดจ์ (Landbridge) ว่า รถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 และ 2 ยังอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง หากเสร็จแล้วทั้งจีน ลาว ไทย จะสามารถส่งสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถส่งทุเรียนหมอนทองไปมอบให้ประธานาธิบดีจีนได้ เป็นการลดต้นทุน เพิ่มโอกาส SME และเกษตรกรไทย และเป็นอีกช่องทางสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจ จะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดต้นทุน ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก และขอให้ไทยเร่งดำเนินการ โดยได้สั่งการกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดแล้ว

นอกจากนี้ จีนให้ความสนใจโครงการแลนด์บริดจ์มากเช่นกัน และต้องการให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น หากโครงการเกิดขึ้น จะมีการเชื่อมกันและจีนได้ขอข้อมูลผลการศึกษาโครงการเนื่องจากจีนเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว ซึ่งจะเกิดผลดีทั้งจีนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมอบหมายให้ทีมที่ทำการศึกษาโครงการส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปให้ รวมทั้งการเชิญชวนมาลงทุนด้วย
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อไปว่า การมีแลนด์บริดจ์จะช่วยลดเวลาการส่งออกได้ 4 วัน สามารถประหยัดต้นทุนของผู้ประกอบการได้ 15% ช่วยประหยัดน้ำมัน ทำให้ต้นทุนถูกลง ผู้บริโภคก็ซื้อของในราคาที่ถูกลง ได้ผลดีทั้งระบบ โดยจะดำเนินการควบคู่กับเรื่อง Green Energy ประหยัดพลังงานด้วย พร้อมทั้งตั้งเป้าให้ประเทศไทยเป็นฮับโลจิสติกส์ (Hub Logistics) สร้างโอกาสการจ้างงานและการซื้อขายสินค้า
ขณะที่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้เชิญชวนบริษัท Xiaomi ให้มาสร้างโรงงานผลิตรถ EV ที่ไทย เพื่อเพิ่มโอกาสการจ้างงานในประเทศ ซึ่งไทยได้พูดคุยกับประเทศในอาเซียน และมีบทบาทในเวทีอาเซียน ก็จะเป็นอีกข้อเสนอสำคัญที่นักลงทุนต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศ ทั้งนี้ ได้มีการเซ็น MOU 14 ฉบับ ซึ่งเป็นสิ่งที่สื่อจีนให้ความสนใจ และได้ประโยชน์ อาทิ ข้อมูลออนไลน์ต่างๆ ที่จะแชร์ร่วมกันระหว่างไทยกับจีน สแกมเมอร์ ข้อมูลการพัฒนาต่างๆ เช่น เครื่องมือทางการเกษตร เป็นต้น ซึ่งจะสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้

ส่วนการพบภาคเอกชนและสื่อมวลชนจีน นายกรัฐมนตรี บอกเล่าว่า เป็นการพบกับและพูดคุยกับอินฟลูเอนเซอร์ อย่าง POP MART, Xiao Hong Shu, Meitu, Dianping เรื่องการนำร้านอาหารไทยขึ้นบนแพลตฟอร์มจีน โดยได้แนะนำแอปพลิเคชันสำหรับนักท่องเที่ยวที่ตำรวจไทยจัดทำขึ้น เพราะต้องการให้นักท่องเที่ยวใช้หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เพื่อให้นำไปไว้บนแพลตฟอร์มจีน และขอขอบคุณที่มาช่วยกันสื่อสารให้กับประชาชนจีนทราบ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ได้พบนักกีฬาไทย รู้สึกดีใจมาก ได้ร่วมชมและเชียร์การแข่งขัน Ice Hockey (กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง) ชายทีมชาติไทย และคิดว่าน่าจะนำกองเชียร์ไทยไปร่วมเชียร์ พร้อมให้กำลังใจนักกีฬาที่ร่วมแข่งขัน และรู้สึกประทับใจนิทรรศการน้ำแข็งที่มีสวยงามมาก รวมถึงพิธีเปิดการแข่งขัน รวมทั้งได้แสดงความยินดีกับความสำเร็จของ นายปอล ฮองรี วิเยอร์ต๊องส์ นักกีฬาเอเชียนวินเทอร์เกมส์ ที่คว้าเหรียญทองแดงแรกจากกีฬา Freestyle skiing
ในช่วงท้ายรายการ นายกรัฐมนตรีได้สรุป 3 เรื่องใหญ่ที่คนไทยและประเทศไทยจะได้รับจากการเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งนี้ คือ เรื่องแรก “ความมั่นคง” ได้ความร่วมมือการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะต้องลดลงและเห็นผลอย่างรวดเร็ว เรื่องที่สอง “การค้า Landbridge การตรวจสอบคุณภาพ (QC) สินค้าที่จะส่งออก” จะสามารถส่งออกสินค้าได้เร็วขึ้น ไม่เสียต้นทุนมาก โดยเฉพาะ Landbridge เมื่อเกิดขึ้น ช่วยประหยัดพลังงาน มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น มีการจ้างเพิ่ม สินค้าเกษตรที่ล้นตลาดก็จะไม่ล้น และเรื่องที่สาม “ความสัมพันธ์ระดับประชาชน-ประชาชน (People to People)” เชื่อมสัมพันธ์ของไทย-จีน ที่มีต่อไปในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งต่างเห็นพ้องว่าจะเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบนี้ให้ยาวนานต่อไป.
