“วันนอร์” สั่งปิดประชุมร่วมรัฐสภา ถกร่างแก้รัฐธรรมนูญ เหตุองค์ประชุมไม่ครบ นับได้แค่ 175 เสียง หลัง สส. ฝ่ายค้าน-ฝ่ายรัฐบาล ประท้วงกันวุ่น รวมใช้เวลาถกวันที่ 2 แค่ชั่วโมงเศษ
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 14 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมรัฐสภา ที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต่อเนื่องหลังที่ประชุมล่มไม่เป็นท่าไปเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมเกิดการตีรวนทันที ไม่ทันได้เข้าสู่ระเบียบวาระ หลังจากนายวันมูหะมัดนอร์ แจ้งข้อตกลงเวลาอภิปรายของวิป 3 ฝ่ายเสร็จสิ้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็เสนอนับองค์ประชุมทันที ในระหว่างที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะหนึ่งในผู้เสนอญัตติ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กำลังจะเริ่มอภิปรายเสนอญัตติ ทำให้เกิดการประท้วงกันไปมาวุ่น โดย สส.พรรคประชาชน อาทิ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ประท้วงประธานในที่ประชุม และระบุว่า นพ.ชลน่าน จงใจทำผิดข้อบังคับ เสนอญัตติแทรกเข้ามาในขณะที่นายพริษฐ์ เข้าสู่ญัตติไปแล้ว
ทำให้บรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างอลหม่าน ต่างฝ่ายต่างประท้วง เพื่อยืนยันว่า การเสนอญัตติของตนเองถูกต้องตามข้อบังคับ จนกระทั่ง นายวันมูหะมัดนอร์ วินิจฉัยว่า นพ.ชลน่าน สามารถขอนับองค์ประชุมได้ เป็นเอกสิทธิ์ หากมีสมาชิกสงสัยในองค์ประชุมแล้วขอตรวจสอบ จะตรวจสอบตอนไหนก็ได้ และประธานวินิจฉัยตามข้อบังคับ ขณะที่ทางด้าน นายพริษฐ์ พยายามต่อรองว่า ไม่ได้เถียงคำวินิจฉัย แต่ขอแสดงความเห็นต่อญัตติ ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ พยายามย้ำอีกหลายครั้งว่า แต่ละคนแสดงความคิดเห็นได้ แต่ข้อบังคับ ถ้ามีสมาชิกยกมือให้นับองค์ประชุม ประธานต้องดำเนินการนับองค์ประชุม โดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไร เพราะเป็นเอกสิทธิ์โดยมีผู้รับรองแล้ว ตนอนุญาตแค่นี้ และต่อไปนี้ต้องตรวจสอบองค์ประชุม จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ กดออดเรียกสมาชิกตรวจสอบองค์ประชุมทันที ท่ามกลางเสียงประท้วงของ สส.ฝ่ายค้านพรรคประชาชน ที่ยังยืนยันจะขอหารือ
...
นายวันมูหะมัดนอร์ ย้ำอีกว่า ประท้วงได้เดี๋ยวตนจะอนุญาตทุกคน แต่อยู่ในวาระ ขั้นตอนตรวจสอบองค์ประชุม ท่านจะพูดในนี้ก็ได้ไม่มีปัญหาอะไร ประชาชนก็ฟัง แต่ต้องหลังจากตรวจสอบองค์ประชุม “ไม่ทราบว่า ท่านจะเข้าใจผมหรือเปล่า แต่ผมไม่มีเจตนา ที่จะให้องค์ประชุมไม่ได้ประชุม หรือได้ประชุม เป็นไปตามข้อบังคับและเจตนารมณ์ของแต่ละคน ท่านมีอิสระเต็มที่ แต่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง ว่าการลงมติสมควรหรือไม่สมควร ผมไม่มีอำนาจอะไร ก็ต้องดำเนินไปตามข้อบังคับ ไม่งั้นภาพของการประท้วงที่สภานี้ มันก็จะออกข้างนอก สภาก็เสีย ผมในฐานะประธานก็เสีย ก็ดำเนินการตามระเบียบวาระ แล้วก็เดี๋ยวผมต้องชี้แจง ทำไมประธานรัฐสภา จึงบรรจุระเบียบวาระแก้ไข 256/1 เข้าไป ท่านส่วนใหญ่สมาชิกก็ไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ท่านกรุณาไปอ่านคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่สภานี้ ส่งมาสมัยผมเป็นประธาน ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยมีข้อแตกต่างจาก 4/2564 ผมก็นำให้ที่ปรึกษากฎหมายพิจารณาตามขั้นตอน ซึ่งเราปฏิบัติอย่างนี้ตลอดมา” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ประธานในที่ประชุม พูดยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงตะโกนโหวกเหวกของฝ่ายค้านดังต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ตะโกนขอให้ประธานสภาฯ เปิดไมโครโฟน เพื่อให้ได้แสดงความคิดเห็น แต่นายวันมูหะมัดนอร์ บอกไม่อนุญาต พร้อมกับชี้แจงด้วยน้ำเสียงที่ดัง และมีสีหน้าที่ขึงขังกว่าเดิมว่า “ผมขออธิบาย เป็นหน้าที่ประธานครับ ซึ่งที่ปรึกษากฎหมายก็ให้ความเห็น ถ้าท่านไม่อยู่ในระเบียบ ผมก็ต้องให้เจ้าหน้าที่เชิญนะครับ” ประธานรัฐสภา กล่าว ท่ามกลางเสียงตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์ดังอย่างต่อเนื่อง ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ พูดสวนอีกว่า “อ่ะ ท่านเข้าใจอย่างไร ท่านเข้าใจว่าผมเข้าข้างรัฐบาลหรือ เมื่อวานก็รัฐบาลหาว่า ผมเข้าข้างฝ่ายค้าน อันนี้เป็นไปตามข้อบังคับ ประธานวิป แต่ละฝ่ายกรุณาครับ เราประชุมร่วมกันมาเรียบร้อย ประชาชนก็มองดู แต่ทำไมประธานจะพูดไม่ได้ เมื่อท่านก็พูดได้ตลอดเวลา ตอนนี้ขออภัยครับ พาดพิงไปมา ก็นับองค์ประชุมไม่สำเร็จ”
ด้านนายพริษฐ์ ต่อรองอีก ระบุไม่ติดใจที่ประธานอนุญาตให้สมาชิกเสนอนับองค์ประชุม แค่ต้องการแสดงความเห็น หารือกับเพื่อนสมาชิกที่เสนอนับองค์ประชุมเผื่อจะมีทางออกอื่น ตนขออนุญาตใช้สิทธินั้นได้ไหม
นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่ยอมเพราะต่างฝ่ายต่างจะประท้วงกัน ตนเข้าใจเจตนารมณ์ นายพริษฐ์ เป็นอย่างดี ตนจึงบรรจุเจตนารมณ์ ไม่ต้องสั่นหัว ท่านพูดด้วยความจริงใจครับ ถ้าตนไม่จริงใจ ไม่เห็นความสำคัญ ตนก็ไม่บรรจุญัตติ ตนบรรจุให้ความสำคัญ แต่คุณไม่เห็นความสำคัญของประธานเลย ตนว่าไม่ถูกนะ ประชาชนเขาฟังอยู่ ถ้าหาที่ประชุมครบ นายพริษฐ์ ก็เสนอได้ แต่ถ้าไม่ครบดำเนินการต่อไปไม่ได้ อันนี้ข้อบังคับชัด เราจะไปดื้อโดยเอาตามใจของแต่ละคน มันคงกระทำไม่ได้
จนกระทั่งช่วงเวลา 10.05 น. นางสาวนันทนา นันทวโรภาส ส.ว. เสนอนับองค์ประชุมด้วยวิธีการขานชื่อ ส่วนทางด้าน นพ.ชลน่าน ลุกขึ้นสวนทันทีระบุ ข้อบังคับข้อการประชุมข้อ 56 กำหนด การนับองค์ด้วยวิธีขานชื่อ จะต้องให้รัฐสภาอนุมัติ จึงต้องให้สมาชิกรัฐสภาอนุญาต ต้องตรวจสอบองค์ประชุมก่อน ด้านนายปกรณ์วุฒิ แก้ลำด้วยการขอให้ประธานรัฐสภา พักการประชุมเพื่อให้ทุกฝ่ายหารือหาทางออก นายวันมูหะมัดนอร์ จึงอนุญาต สั่งพักการประชุม 20 นาที
อย่างไรก็ตาม หลังพักการประชุมเสร็จสิ้น นายพริษฐ์ พยายามขอให้พักการประชุมอีกครั้ง ทว่านายวัชระพล ขาวขำ ส.ส.อุดรธานี พรรค พท. เสนอญัตติขอให้นับองค์ประชุมด้วยวิธีการเสียบบัตรแทนการขานชื่อ สวนทันที นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่ได้สั่งให้พักการประชุม และกดออดเรียกสมาชิกตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อชี้ขาดว่าจะใช้วิธีตรวจสอบองค์ประชุมด้วยวิธีการใด ระหว่างเสียบบัตรหรือขานชื่อ ผลปรากฏว่ามีผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุมเพียงแค่ 175 คน ขณะที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน พยายามทัดทาน เสนอให้นับคะแนนใหม่อีกครั้ง แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่สนใจ และแจ้งว่า องค์ประชุมไม่ครบ สั่งปิดประชุม 10.47 น.
สำหรับสมาชิกรัฐสภาที่แสดงตนและไม่แสดงตนในการนับองค์ประชุม จนทำให้การประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญล่มเป็นวันที่ 2 นั้น มีรายละเอียดดังนี้
-พรรคประชาชน แสดงตน 139 คน ไม่แสดงตน 8 คน
-พรรคเพื่อไทย แสดงตน 2 คน คือ นายวรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี และนายวัชระพล ขาวขำ สส.อุดรธานี และไม่แสดงตน 140 คน
-พรรคภูมิใจไทย ไม่แสดงตน 69 คน
-พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่แสดงตน 36 คน
-พรรคประชาธิปัตย์ แสดงตน 2 คน ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และนายบัญญัติ บรรทัดฐาน สส.บัญชีรายชื่อ ไม่แสดงตน 22 คน
-พรรคกล้าธรรม ไม่แสดงตน 25 คน
-พรรคพลังประชารัฐ แสดงตน 2 คน ได้แก่ นายทวี สุระบาล สส.ตรัง และนายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช ไม่แสดงตน 18 คน
-พรรคชาติไทยพัฒนา แสดงตน 1 คน ได้แก่ นายนพดล มาตรศรี สส.สุพรรณบุรี ไม่แสดงตน 9 คน
-พรรคประชาชาติ แสดงตน 1 คน ได้แก่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานในที่ประชุม และไม่แสดงตน 8 คน
-พรรคไทยสร้างไทย ไม่แสดงตนทั้ง 6 คน
-พรรคชาติพัฒนา ไม่แสดงตนทั้ง 3 คน
-พรรคไทรวมพลัง ไม่แสดงตนทั้ง 2 คน
-พรรคไทยก้าวหน้า ไม่แสดงตน 1 คน
-พรรคประชาธิปไตยใหม่ ไม่แสดงตน 1 คน
-พรรคเป็นธรรม แสดงตน 1 คน
-พรรคเสรีรวมไทย ไม่แสดงตน 1 คน
-สว.แสดงตน 28 คน อาทิ นางสาวนันทนา นันทวโรภาส, นางอังคณา นีละไพจิตร, นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย, นายประภาส ปิ่นตบแต่ง ส่วนสว.ที่ไม่แสดงตน มีจำนวน 171 คน อาทิ พลเอกเกรียงไกร ศรีรักษ์, นายบุญส่ง น้อยโสภณ, นายกมล รอดคล้าย, นายชีวะภาพ ชีวะธรรม, นางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัย, พลตำรวจโทบุญจันทร์ นวลสาย, นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ, นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์, นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร
ภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์