“รังสิมันต์ โรม” เผย กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาฯ เชิญ “สมช.” ลงพื้นที่แม่สอด 16 ก.พ. นี้ ตรวจท่าข้าม 59 ท่า พบใช้เป็นช่องส่งของผิดกฎหมาย

วันที่ 13 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงหลังการประชุม กมธ. ว่า ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องไฟฟ้า น้ำมัน แต่สิ่งที่เอื้ออำนวยต่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังมีท่าข้าม ทั้ง 59 ท่า ซึ่ง จ.ตาก เป็นจังหวัดที่มีท่าข้ามมากที่สุดในประเทศไทย ที่ต้องให้ความสนใจเรื่องท่าข้าม เพราะเป็นจุดส่งผิดกฎหมายต่างๆ จำนวนมาก กมธ.ได้รับข้อมูลว่าการส่งสินค้าจาก จ.ตาก ไปที่เมียวดี 60% มาจากท่าข้ามทั้งสิ้น วันนี้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) บอกว่าโดยหลักการการเปิดท่าข้ามต้องเป็นการเปิดกรณีจำเป็น และต้องเป็นกรณีชั่วคราว แต่ กมธ.พบข้อเท็จจริงว่าท่าข้ามทั้ง 59 ท่า เปิดมาเป็นเวลานานแล้ว โดยหลังโควิด-19 มีการเปิดเพิ่มเติมอีก 9 ท่า ซึ่งมีปัญหาเชิงกฎหมายว่า ท่าข้ามที่เปิดอยู่มีความชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กมธ.จึงให้จังหวัดรวบรวมข้อมูล โดยวันที่ 16 – 17 ก.พ.นี้ กมธ.จะเชิญ สมช. ลงพื้นที่ร่วมกัน ซึ่งวันที่ 16 ก.พ. ตนจะลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ขอทราบถึงวัตถุประสงค์ในการเปิดท่าข้ามเป็นอย่างไร และมีความตั้งใจที่จะเปิดยาวนานแค่ไหน ส่วนวันที่ 17 ก.พ. จะลงพื้นที่ จ.พิษณุโลก เพื่อพูดคุยกับกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเข้าใจว่าเรื่องท่าข้ามเป็นเรื่องของกระทรวงมหาดไทย แต่ที่จริงแล้วเป็นอำนาจของอธิบดีศุลกากรในการกำหนดให้เปิดหรือปิด วันนี้เราเห็นประโยชน์ทางการค้า แต่ภัยร้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็มีอยู่

...

“วันนี้สมช.พูดชัดเจนว่าโดยปกติการค้าขายอยากให้ใช้ช่องทางปกติที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ อาจจะเป็นจุดผ่านแดนถาวร จุดผ่านแดนชั่วคราว และจุดผ่อนปรนในกรณีพิเศษ เพราะถ้าเป็นท่าข้ามจะมีช่องโหว่ เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่ศุลกากรบางคนต้องดูแล 5 ท่าข้าม หรือ 3 ท่าข้าม ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เราจะดูแลความมั่นคง การลักลอบสิ่งผิดกฎหมายได้” นายรังสิมันต์ กล่าว