“สุทิน-ชูศักดิ์” นำ สส.พรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืน แก้ รธน. หนุนญัตติ “หมอเปรมศักดิ์” โว ร่างญัตติยังอยู่ ไม่ถูกตีตก พอมีทางเดินต่อ “ชูศักดิ์” ยัน พท.ไม่เตะถ่วง ทำตามนโยบายแน่ จวก ไอ้โม่งหนุนเดินหน้าจ้อในสภา หวังให้ถูกตีตก

เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 13 ก.พ. 2568 ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมสส.พรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงภายหลังที่องค์ประชุมร่วมรัฐสภาล่ม ว่า ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีเจตนารมณ์ที่จะแก้รัฐธรรมนูญให้ได้ตามนโยบายที่ให้ไว้ เมื่อร่างญัตติถูกบรรจุเข้าสู่สภาแล้ว เราพยายามประสานงานทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดความเป็นไปได้ ทั้งเสียงพรรคร่วมรัฐบาล และเสียง สว. เราขอความร่วมมือเต็มที่แล้ว เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ที่ผ่านมา เราประเมินว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านยาก มีโอกาสตกสูง เราจึงแสวงหาอีกวิธีหนึ่งที่พอจะมีความหวังคือ ขอให้ร่างญัตตินี้อยู่ในสภา ไม่ถูกตีตก คือเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและระหว่างที่รัฐธรรมนูญกำลังวินิจฉัย ร่างก็ยังอยู่ และหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมา เราก็มีโอกาสเดินหน้า แต่หากไม่เป็นคุณ ศาลวินิจฉัยว่า แก้ไม่ได้ ก็จะได้ชัดเจน แต่ถ้าศาลยังไม่มีคำวินิจฉัย ก็เกิดความเห็นที่ต่างกัน เช่น ต้องทำประชามติกี่รอบ และสมาชิกรัฐสภาก็เกิดความกังวล เพราะเคยมีตัวอย่างแล้ว ต้องยอมรับว่า มีสมาชิกจำนวนไม่น้อยที่ไม่มั่นใจสถานะ วันนี้เราจึงสนับสนุนญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. แต่เมื่อญัตตินี้แพ้ต่อสภา เราก็ต้องพิจารณากันต่อ เรามองเห็นคำตอบข้างหน้าว่า เมื่อไปข้างหน้าก็ตก ฉะนั้น เราจึงปรับวิธีการต่อสู้เพื่อให้บรรลุผลของเรา

“วันนี้จึงคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร่างนี้ไม่ตกและให้อยู่นานที่สุด นั่นคือ องค์ประชุมถ้าไม่ครบ ประชุมต่อไม่ได้ แต่จะมีเวลาตั้งหลักเพื่อที่จะกลับมาสู้เพื่อเป้าหมายอีกครั้ง ดีกว่าดันทุรังแล้ว ไปตายข้างหน้าแบบนั้นเราไม่เอา จึงเกิดเหตุการณ์ในวันนี้ ซึ่งร่างญัตตินี้ยังอยู่และยืดชีวิตต่อไปได้ มีเพื่อนสมาชิกบางคน บางพรรค อาจจะมองว่าผิด เรามีเจตนาเพื่อที่จะผลักดันให้สำเร็จ เดินทางตรงไม่ได้ ก็ขอเดินทางโค้ง ถ้ายังไม่สำเร็จ ก็ขอหยุดเดินไว้ก่อนดีกว่าเดินไปตกเหว อย่างไรก็ตามในวันที่ 14 ก.พ. ประธานรัฐสภา แจ้งว่า ยังมีประชุมร่วมรัฐสภาอยู่ ส่วนจะล่มหรือไม่นั้น ผมไม่แน่ใจ แต่หากทุกคนไปคิดแล้วว่า พอจะมีทางชนะกันในสภาได้ เราก็จะมาต่อสู้ในสภา” นายสุทิน กล่าว

...

“ชูศักดิ์” ยัน พท.ไม่เตะถ่วง ทำตามนโยบายแน่

ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวเสริมว่า เท่าที่วิเคราะห์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มี 2 ร่างอยู่ในขณะนี้ แนวโน้มก็คงจะไม่ผ่านมติของรัฐสภาหรือเสียงของ สว.ที่จะเห็นชอบไม่ถึง 67 คน สาเหตุสำคัญที่เขาอ้างคือ ประธานรัฐสภาสั่งบรรจุระเบียบวาระดังกล่าวเข้ามาไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ที่อาจขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญปี 2564 คือนำไปสู่จะยังบรรจุไม่ได้จนกว่าจะถามประชาชนเสียก่อน คือจะทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง เมื่อประเด็นวิตกกังวลเป็นเช่นนี้ว่า จะไม่ผ่านเพราะเหตุนี้ เราจึงตั้งว่า ถ้าแบบนั้นประเด็นนี้ก็ควรสอบถามกันให้ชัดเจนว่าท้ายที่สุด การบรรจุระเบียบวาระเช่นนี้ที่นำไปสู่การทำประชามติ 2 ครั้ง ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือชอบด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ เราจึงสนับสนุนญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ คือทำให้ถูกต้องเดินหน้าต่อได้ เพราะถ้าญัตติตก ก็ไปเริ่มต้นใหม่ ก็คาราคาซังเจตนาเราคือ ต้องการให้ญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนี้ ยังคงอยู่ในรัฐสภา และคิดหาทางกันต่อไปว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ประสบความสำเร็จ และยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาเตะถ่วง มีเพียงเจตนาเต็มที่ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ตามเป็นนโยบายที่เราเสนอไว้

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร เพราะอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เราอยากเคลียร์ปัญหานี้ให้ได้ พบว่าปัญหานี้ ไม่ใช่ไม่อยากให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เพราะกระบวนการและวิธีการไม่ถูกต้อง ฉะนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า ควรถามเพื่อเคลียร์ปัญหาให้ชัดเจน ขณะที่นายสุทิน กล่าวเสริมว่า ตนคิดว่าไม่ลำบาก ถึงวันนี้ประชาชนจะมองออกว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ มีอยู่ 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพรรคภูมิใจไทยและสว. ส่วนหนึ่งที่ไม่แก้ กลุ่มที่ 2 คืออยากแก้แสดงตัวว่า จะแก้ แต่มีข้อแม้ว่า แก้จริงหรือไม่ พยายามที่จะดันต่อไป ทั้งที่รู้ว่าถูกตีจะตก สังคมจะรู้ว่าแก้เพื่อหวังผลสำเร็จหรือไม่ ขณะที่พรรคเพื่อไทย เดินเกมเต็มที่ แต่เจออุปสรรค เราจึงต้องชะลอเพื่อที่จะหาทางสู้ใหม่ ประชาชนคงมองออกว่า ใครคือกลุ่มที่จะแก้โดยหวังผล หรือกลุ่มที่สักแต่ว่าจะได้แก้แล้ว แต่ของแก้ได้แล้ว เราอยากพูดคำนี้มากกว่า ไม่ใช่แก้แล้ว ยิ่งเดินไปก็ยิ่งจะช้ำ แล้วคนที่รู้ว่าเดินต่อก็จะตก เดินไปทำไม กับของเราที่รู้ว่าจะตกเราไม่เดินต่อ แต่เราก็ชะลอ เพื่อที่จะตั้งหลักแล้วเดินใหม่

เมื่อถามย้ำว่า ใครจะทำให้ตก นายสุทิน กล่าวว่า ในสภาก็พอจะมองออก คนที่พยายามจะเดินหน้าอภิปรายแล้วได้โหวต คนนั้นคือคนที่ตนคิดว่าเดินหน้าแล้วจะตกแล้ว แล้วจะเดินทำไม