“หมอเปรม” เผย ญัตติด่วนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ปมถกแก้ รธน. ทำข้ามขั้นตอน หวั่นฝืนคำสั่งศาลปี 64 พ่วง ทำประชามติกี่ครั้ง ปัด “สว.สีขาว” รับงานป่วน สวนกลับ “สว.สีน้ำเงิน” ตะเพิดไล่อ่านระเบียบ ซัดเลิกเล่นเกมใครเห็นต่างมีเบื้องหลัง
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยภายหลังเข้ายื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา ว่า ตนยื่นขอเสนอญัตติด่วนให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ก่อนที่จะเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย โดยอ้างอิงว่าจากการฟังเสียงของสมาชิกรัฐสภายังมีความเห็นที่แตกต่างกัน และยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ เพราะการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภามีมาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้ มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญรัฐที่ 4/2564 ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำฉบับใหม่ต้องทำประชามติสอบถามประชาชนเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยก่อน โดยเมื่อเปิดประชุมจะอภิปรายถึงความสำคัญของญัตตินี้ สว. เห็นว่าจะข้ามขั้นตอนและยังไม่มีการทำประชามติ จึงขอรัฐสภามีมติขอให้ไปทำประชามติก่อน ส่วนประเด็นว่าประชามติที่จะทำประชามติกี่ครั้ง ก็เป็นความสับสนที่จำเป็นต้องยื่นญัตติในวันนี้ เพราะบางส่วนบอกว่าต้องทำประชามติ 2 ครั้ง ส่วนหนึ่งบอกว่า 3 ครั้ง จึงยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นทางการ ดังนั้น องค์กรที่ชี้ขาดว่าจะทำประชามติ 2 หรือ 3 ครั้ง คือศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีคำวินิจฉัยแล้วจะผูกพันทุกองค์กร ไม่ว่ารัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรใด วันนี้จึงขอใช้สิทธิสมาชิกรัฐสภาโดยมีผู้ลงชื่อครบถ้วน
...
นพ.เปรมศักดิ์ ระบุต่อไปว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเมื่อปี 2564 ชี้แล้วว่าจะต้องให้ประชาชนเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยเห็นชอบเสียก่อน แต่ขั้นตอนเห็นชอบคือการทำประชามติ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปทำ 2 ครั้งหรือ 3 ครั้ง วันนี้จึงยื่นให้เกิดความชัดเจนว่าทำประชามติกี่ครั้ง เพื่อทำให้ความคลุมเครือมีความชัดเจนขึ้น โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยืนยันว่าการยื่นครั้งนี้ไม่ซ้ำซ้อนกับการยื่นครั้งก่อน เพราะครั้งก่อนเป็นการยื่นโดยไม่มีการบรรจุวาระ แต่ครั้งนี้มีวาระบรรจุในการประชุมแล้ว และยืนยันว่าไม่ได้เป็นเกมสกัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“กลุ่ม สว.สีขาว เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องการทำให้ถูกตามขั้นตอน เข้าตามตรอกออกตามประตูเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ซึ่งการที่บุ่มบ่ามกระทำการใดไม่ได้คำนึงถึงขั้นตอน หากมีความเสียหายเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ เราเป็นวุฒิสภาต้องมีวุฒิภาวะในการแก้ไขปัญหา จึงไม่อยากให้ใครมองว่าไปขัดขวาง แต่ส่งเสริมการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องทำให้ถูกตามขั้นตอน”

เมื่อถามอีกว่าการยื่นครั้งนี้จะทำให้การร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นทันภายในสมัยประชุมสภา หรือทันการเลือกตั้งทั่วไปหรือไม่ นพ.เปรมศักดิ์ ระบุว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องบอกว่าให้ทันก่อนการเลือกตั้ง การคิดแบบนั้นเป็นความคิดแบบเผด็จการ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด จะทำแบบเงื่อนไขของแก้กฎหมายเล็กๆ ไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องให้ทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง มีแต่พรรคการเมืองที่พยายามกำหนดให้ทันการเลือกตั้งปี 2570 ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าการยื่นเรื่องให้ศาลตีความครั้งนี้มีพรรคการเมืองหนุนเบื้องหลังกลุ่ม สว.สีขาว และแบ่งแยกจากกลุ่ม สว.สีน้ำเงินนั้น นพ.เปรมศักดิ์ ตอบว่า ตนไม่ทราบว่ากลุ่ม สว.สีน้ำเงิน เป็นอย่างไร แต่เรามีความคิดอิสระและไม่มีใครเข้ามาควบคุมการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ ส่วน สว.สีน้ำเงิน จะทำอย่างไรก็แล้วแต่ ตนขอไม่ก้าวล่วง
“มีแต่ สว.สีน้ำเงิน ก้าวล่วงพวกผม มีการบีบให้สมาชิกวุฒิสภาถอนตัวจากญัตติด้วย แต่ก็มีเพียงจำนวนหนึ่งที่ถอนชื่อไป เราก็ไม่ว่าเพราะอาจจะเข้าใจผิดถึงขั้นว่าลงชื่อประชุมมีความผิด คิดว่าเป็นการให้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง เพราะการลงชื่อเข้าประชุมเป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภา และการลงมติในรัฐสภาเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ใช่ลงมติแล้วจะถูกถอดถอนและมีความเสี่ยงอย่างที่เป็นข่าว จึงอยากจะเตือนคนให้ข้อมูลในด้านที่ผิด และให้กลับไปอ่านระเบียบใหม่ หากไม่เข้าประชุมถือเป็นการไม่รับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชน เลิกทำลูกไม้ทางการเมืองแบบนี้ เด็กอนุบาลตามทัน ใครคิดไม่ตรงกับตัวเองก็หาว่ามีเบื้องหลัง คนที่กล่าวว่าการประชุมเพื่อขอแก้รัฐธรรมนูญเป็นการกระทำที่อาจจะสุ่มเสี่ยง คือการกระทำที่น่าละอายมากกว่า”