พรรคพลังประชารัฐ ประกาศจุดยืนไม่เอากาสิโน จี้รัฐบาลยุติการเสนอร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มองแค่กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น หวั่นส่งผลกระทบทางสังคม ชี้อาจเป็นการเปิดบ่อนเสรี
วันที่ 5 ก.พ. 2568 ที่อาคารรัฐสภา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดยนายชัยมงคล ไชยรบ รองหัวหน้าพรรค และ สส. สกลนคร นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และ สส. พังงา นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานกรรมการด้านวิชาการ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ที่ปรึกษาศูนย์นโยบายและวิชาการ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรค พปชร. ร่วมแถลงประกาศจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
โดยนายชัยมงคล กล่าวว่า การเปิดบ่อนกาสิโนในประเทศจะทำให้ปัญหาการติดการพนันทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงสร้างผลกระทบต่อครอบครัว เช่น การใช้ความรุนแรงในบ้าน การหย่าร้าง และความล้มเหลวทางการเงิน นอกจากนี้ การมีบ่อนกาสิโนจะเปลี่ยนค่านิยมในสังคม ส่งเสริมวัฒนธรรมการพนัน และทำให้คนไทยเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิต เช่น ความเครียดจากหนี้สินและการฆ่าตัวตาย การเปิดกาสิโนอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะไม่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เนื่องจากการพนันไม่สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง เป็นเพียงการโยกย้ายเงินจากผู้แพ้ไปสู่ผู้ชนะ ซึ่งเจ้าของกาสิโนคือผู้ได้ประโยชน์หลัก แม้จะอ้างว่าจำกัดพื้นที่กาสิโนเพียง 10% แต่ตัวอย่างจากสิงคโปร์ที่กำหนดพื้นที่กาสิโนเพียง 3% กลับสร้างรายได้ถึง 70% ของอุตสาหกรรมบันเทิง แสดงให้เห็นว่าเป้าหมายของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่แท้จริงอาจเป็นการเปิดบ่อนเสรีนั่นเอง
ขณะที่ ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของร่างกฎหมายกาสิโนว่า มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน แต่ตนมองว่าเป็นเพียงแค่ “มายาคติ” ที่ขาดความละเอียดรอบคอบทางนโยบาย เนื่องจากการท่องเที่ยวไทยมีจุดขายจาก “ซอฟต์พาวเวอร์ทางวัฒนธรรมไทย” ที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การเปิดบ่อนกาสิโนในประเทศไทยจึงไม่ได้เพิ่มเสน่ห์ให้ประเทศมากขึ้น ตรงกันข้ามเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้คนไทยติดการพนันเพิ่มขึ้น เป็นการทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง
...

ทั้งนี้ กฎหมายที่ร่างขึ้นไม่ต่างจากการตีเช็คเปล่าให้นักการเมืองตั้ง “คณะกรรมการนโยบาย” ขึ้นมา โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีอำนาจสูงสุดในการกำหนดหลักเกณฑ์สำคัญทุกอย่าง ปรากฏตามมาตรา 11 เช่น การให้ใบอนุญาต จำนวนใบอนุญาต จังหวัดที่อนุญาต เพื่อนำเข้า ครม. โดยปราศจากการประมูลแข่งขันผลประโยชน์ของรัฐ ส่วนค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็อยู่ในกรอบ “ห้ามเกิน” ได้แก่ ค่าธรรมเนียมครั้งแรก 5,000 ล้านบาทต่อ 30 ปี หรือเฉลี่ยปีละ 166 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายฯ สามารถปรับลดลงได้ตามดุลยพินิจ และที่ร้ายที่สุดคือ เรื่องภาษีจาก “ยอดเงินพนัน” (Gross Gambling Revenue: GGR) ซึ่งในต่างประเทศถือเป็นรายได้หลักของรัฐ แต่ร่างกฎหมายใหม่นี้มอบอำนาจให้คณะกรรมการนโยบายฯ กำหนดเอง โดยไม่มีหลักประกันความโปร่งใส หากนักการเมืองเข้าไปเป็นเจ้าของบ่อนผ่านนอมินี เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้นักการเมืองบางกลุ่ม “ชงเอง กินเอง” อย่างไร้การตรวจสอบและถ่วงดุล
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า โครงการนี้ยังขาดการประเมินความเสียหายต่อสังคมจากผู้ติดการพนัน โดยงานวิจัยของสหรัฐฯ (ปี 2546) ชี้ว่า การพนันสร้างความเสียหายสูงถึง 700,000 บาทต่อคน ขณะที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ได้เก็บสถิติในประเทศไทยปี 2564 พบว่ามีผู้ติดพนัน 3.5 ล้านคน หากเปิดเสรีบ่อนการพนัน ผู้ติดพนันอาจเพิ่มเป็น 5 ล้านคน ดังนั้น อาจสร้างต้นทุนทางสังคมสูงถึง 3.5 ล้านล้านบาท โดยไม่มีหลักประกันว่าจะสามารถแก้ปัญหาบ่อนเถื่อนได้เลย เพราะบ่อนเถื่อนไม่มีข้อจำกัดในการเข้าเช่นเดียวกับบ่อนถูกกฎหมายในร่างกฎหมายฉบับนี้ นโยบายนี้จึงถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย
ด้านนายสุธรรม กล่าวว่า การเปิดกาสิโนอาจเป็นช่องทางการฟอกเงินจากธุรกิจทุนสีเทาและคอร์รัปชัน และอาจทำให้กลุ่มทุนใหญ่ใช้อิทธิพลครอบงำนโยบายของรัฐบาล อีกทั้งการเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ. ยังขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน และไม่มีมาตรการป้องกันผลกระทบที่ชัดเจน รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาการพนันที่แพร่ระบาด ทั้งหวยใต้ดิน หวยประเทศเพื่อนบ้าน และการพนันออนไลน์ที่กำลังบั่นทอนเศรษฐกิจครัวเรือน และสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างที่รุนแรง ซึ่งการตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายไม่ใช่คำตอบของการแก้ไขปัญหาพนันทุกรูปแบบที่อยู่ในประเทศไทย ณ เวลานี้
นายสุธรรม กล่าวว่า พรรคพปชร. เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการเสนอร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้เข้าสู่ที่ประชุม ครม. พร้อมเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนแสดงพลังคัดค้านผ่านการติดแฮชแท็ก #ไม่เอากาสิโน บนโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างกระแสตระหนักรู้และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ เพราะการพนันจะเป็นเหตุทำให้เศรษฐกิจของประเทศพังพินาศ และตามมาด้วยปัญหาครอบครัว รวมถึงยังปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนของประเทศถูกซึมซับการพนันด้วย
