ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีมติตัดไฟฟ้า-น้ำมัน-อินเทอร์เน็ต 5 จุด ชายแดนไทย-เมียนมา เริ่ม 9 โมงเช้าพรุ่งนี้ ขู่ดำเนินการหากลักลอบเดินสายไฟ ท้า “โรม” เอาหลักฐาน พล.ต.ต. “ต.เต่า” เอี่ยวมาให้

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือกับ นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมง ว่า ทางจีนมาเยี่ยมตนเองอย่างไม่เป็นทางการ โดยนำความปรารถนาดีของรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงของจีนมาให้ ซึ่งตนกับรองนายกฯ ความมั่นคงจีนและอีกหลายคนได้พูดคุยกันมาต่อเนื่องเป็นเดือนแล้ว ในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เป็นปัญหา เพราะคิดว่าปัญหาเหล่านี้หากประเทศใดประเทศหนึ่งดำเนินการแก้ไขคงไม่จบ แต่ต้องเกิดจากหลายส่วนพูดคุยกัน ซึ่งเขาก็มีข้อมูลในหลายส่วนเยอะเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพราะจีนเป็นประเทศที่ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เขาก็มาคุยเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเรื่องนี้ทำความเสียหายกับทุกประเทศ ซึ่งไทยก็เสียหายโดยในหนึ่งปีมีผู้เป็นเหยื่อ 557,500 ราย สูญเสียเงินกว่า 68,000 ล้านบาท หากคิดเป็นรายวันตกวันละ 80 ล้านบาท ฉะนั้นเราก็ต้องจัดการ ซึ่งการซีลชายแดนไม่ใช่แค่เรื่องยาเสพติด แต่รวมไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาชญากรรม และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดน ซึ่งเขาก็อยากให้เราทำแต่เราทำไปก่อนแล้ว และจีนได้ขอบคุณและชื่นชมไทย

“นอกจากนี้ จีนอยากให้ไทยช่วยตัดเส้นทางลำเลียง เพื่อช่วยสกัดกั้นทุกทาง ส่วนถึงขั้นปิดชายแดนหรือไม่นั้น คงต้องพิจารณา แต่ได้บอกไปแล้วว่า ในการตัดสินใจเรื่องนี้ต้องเป็นความเห็นร่วมกันในฐานะที่มีปัญหาร่วมกัน และต้องเคารพอธิปไตยของประเทศไทยด้วย ซึ่งจีนก็ตอบรับ ขณะเดียวกันยังมีแนวคิดการจัดประชุมร่วม 3 ฝ่าย ระหว่างไทย จีน และเมียนมา”

...

ท้า “โรม” เอาหลักฐาน พล.ต.ต. “ต.เต่า” เอี่ยวมาให้

เมื่อถามว่า ส่วนจีนได้เสนอความช่วยเหลืออะไรในเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่าเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ในชั้นต้นตกลงกันว่าเราควรจะร่วมมือกัน เพราะไม่สามารถให้ประเทศใดประเทศหนึ่งจัดการได้ จัดการที่ไทยก็ไปโผล่ที่ประเทศอื่น พร้อมยืนยันว่าการมาในครั้งนี้ไม่ใช่การกดดันประเทศไทย เขาก็บอกว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องมากดดันอะไรเรา และก็เคารพในอำนาจอธิปไตยของบ้านเรา แต่เรื่องนี้เขาอยากหารือ ส่วนกรณีที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ที่ออกมาระบุว่า พลตำรวจตรี ต.เต่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการพนันนั้น นายภูมิธรรม ย้อนว่าอย่าพูดเป็นแบบอักษรย่อ หรือดราม่า มาบอกตนเลย และเอาหลักฐานมาให้ด้วย ตนจัดการเอง มาพูดแบบนี้ ตนจะไปเดาได้อย่างไรว่า ต.เต่าที่ใด ต.เต่า เต็มไปหมดเลย ในสระก็มี

ย้ำ ตามระเบียบตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ ได้

นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนจะเดินทางไปประชุม สมช.ในเรื่องการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์นั้น สิ่งเหล่านี้ต้องดำเนินการ เพราะตนเองดูจากกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆ สามารถจัดการได้อยู่แล้ว เรื่องนี้คนไทยหวาดกลัว ซึ่งที่ตนสั่งให้ สมช. ประชุมวานนี้ เขาชี้แล้วว่าเป็นปัญหาภัยความมั่นคง ซึ่งตนเองยืนยันว่ามันเป็นดังนั้น วันนี้เพื่อให้ชัดเจนเป็นทางการมากยิ่งขึ้น ตนให้ความเห็นของคนที่รับผิดชอบเรื่องความมั่นคง และตนเองคิดว่าต้องเด็ดขาดซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้วันนี้ตนเองจะใช้มติ สมช. เพราะนายกฯ ได้มอบให้กับตนวันนี้ ดูแลด่วน ตนก็จะคุย ส่วนคำสั่งตัดไฟนั้นจะเร็วสุดได้เย็นนี้หรือในวันพรุ่งนี้หรือไม่นั้น รับว่าเป็นเรื่องด่วน แต่จะแค่ไหนอย่างไรนั้นยังไม่ได้ประชุม

เมื่อถามถึงในส่วนขอความชัดเจนชัดๆ ว่ามติ สมช. วันนี้จะได้ความชัดเจนหรือไม่ เพราะเช้าวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทยยังพูดอยู่ว่า กฟภ. ยังไม่สามารถตัดเองได้ต้องรอมติจาก สมช. นายภูมิธรรมถึงกับยิ้ม และระบุว่า เมื่อเช้านี้ ตนพูดชัดเจนแล้วฉะนั้นต้องรอดูโดยมารยาท ตนไม่ควรพูดอะไรที่เป็นความเห็นของตนเองอย่างเดียว ก็ต้องประชุม สมช. ก่อน

“ภูมิธรรม” นำถกสมช.ปมตัดไฟชายแดน แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม ได้เป็นประธานการประชุมสมช. เพื่อพิจารณาการตัดไฟบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ในการแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์  รมช.กลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสมช. ตัวแทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตัวแทนกระทรวงคมนาคม และตัวแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้าร่วม

สมช. มีมติตัดไฟ - น้ำมัน - อินเทอร์เน็ต 5 จุด ชายแดนไทย - เมียนมา เริ่ม 9 โมงพรุ่งนี้

จากนั้น เวลา 18.55 น. นายภูมิธรรม แถลงภายหลังการประชุมว่า สมช.ได้รวบรวมข้อมูลทุกฝ่ายทุกส่วนแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ มีประชาชนทั้งหมด 557,500 กว่าคดี รวมเงิน 86,000 กว่าล้านบาท แต่ละวันมีความเสียหาย 80 ล้านบาท ถือเป็นการสรุปชัดเจนจากหน่วยงานด้านข่าวที่เกี่ยวข้องว่าเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน และทั่วโลก จึงมีมติให้ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดน้ำมัน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันที่ 5 ก.พ. เป็นต้นไป ซึ่งตนจะกลับไปเซ็นหนังสือในคืนนี้เลย (4 ก.พ.) โดยกระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้รัฐบาลเมียนมารับทราบ ให้แจ้งสถานพยาบาลให้รับรู้และเตรียมตัว โดยจะเป็นการตัดทั้ง 5 จุดตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกี่ยวพันกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งนั้น เราถือว่าเรื่องนี้เป็นความทุกข์ของประเทศ และประชาชนที่เผชิญอยู่เป็นเรื่องที่เราต้องดูแล

นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราแจ้งว่าเราจะตัดเพราะมีปัญหาความมั่นคง เมื่อเราแจ้งแล้วรัฐบาลเมียนมาจะดำเนินการอย่างไรก็เป็นเรื่องของรัฐบาลเมียนมา เราไม่ได้เข้าไปแทรกแซง ด่านชายแดนทั้งหมดเราจะจัดการให้สอดรับกับการซีนชายแดน 51 อำเภอ ซึ่งจะสามารถควบคุมเรื่องนี้ได้ทั้งหมด ซึ่งมติสมช. จะได้ชี้แจงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

เมื่อถามว่า รัฐบาลเมียนมาจะเข้าใจ และจะไม่ตอบโต้ด้วยการตัดแก๊สจนบานปลายใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เคยหารือกันซึ่งเขามีความเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของประเทศไทยแต่เป็นปัญหาของนานาชาติ เพราะมีบุคคลหลายชาติถูกหลอกเข้าไปในนั้น

เมื่อถามย้ำว่า เขาจะไม่ตอบโต้เราใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เขาต้องใช้ดุลยพินิจ เมื่อถามว่า หากพื้นที่ที่ถูกตัดไฟไปแล้ว แต่มีการลักลอบแอบเดินสายไฟใหม่จะดำเนินการอย่างไรนายภูมิธรรม กล่าวว่า หากมีการลักลอบเดินสายไฟเราก็จะดำเนินการ เราต้องพูดคุยกับชายแดนทั้งหมดเพื่อแก้ปัญหาอยู่แล้ว และหากทางเมียนมาจะใช้เครื่องปั่นไฟก็เป็นเรื่องของเขา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ 5 จุด ที่จะถูกตัดไฟได้แก่ 1.จุดซื้อขายบริเวณบ้านเจดีย์สามองค์ - เมืองพญาตองชู รัฐมอญ โดยบริษัท Mya Pan Investment and Manufacturing Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
2.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านเหมืองแดง - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
3.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - พม่า - เมืองท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
4.ซื้อขายไฟฟ้าบริเวณสะพานมิตรภาพไทย - พม่า แห่งที่ 2 - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยบริษัท Nyi Naung Oo Company Limited และ บริษัท Enova Grid Enterprise (Myanmar) Company Limited เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
5.จุดซื้อขายไฟฟ้าบริเวณบ้านห้วยม่วง - อ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง โดยบริษัท Shwe Myint Thaung Yinn Industry and Manufacturing Company Limited (SMTY) เป็นผู้ได้รับสัมปทานจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา