“นายกฯ อิ๊งค์” ย้ำ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์-เวลเนส เสริมศักยภาพท่องเที่ยว รับ โดนปรามาสมากมาย แต่รูปลักษณ์ไม่ใช่มาตรวัดความรู้ความสามารถ ขอสอนลูกให้เห็นคุณค่าตัวเอง

เมื่อเวลา 18.15 น. วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Go Thailand 2025 : Women Run the World” 45 ปี ฐานเศรษฐกิจ ที่ฐานเศรษฐกิจจัดขึ้น ณ ศูนย์การค้า ICON SIAM โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีจำนวนมากอยู่แล้ว ทุกภาคมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีเรื่องดีๆ และมีข้อดีอยู่ แต่จีดีพีของเราต้องการการกระตุ้นมากขึ้นอย่างมาก ดังนั้นในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีอยู่อาจยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งหมด อย่างที่เราทราบกันแล้วจีดีพีของเรานั้นเติบโตช้า เราจะต้องสร้างสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างขึ้นของมนุษย์ จึงเสนอเรื่องของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือเรื่องของสุขภาพ (เวลเนส) ถือว่าเป็นสิ่งที่ผลักดันจีดีพีของประเทศให้ก้าวกระโดด ไม่ใช่เติบโตเท่าเดิม เรายังมองถึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคตทั้งเรื่องของเซมิคอนดักเตอร์ที่เราต้องการหาการลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น

จากนั้นกล่าวต่อไปว่า เรื่องของผู้หญิงที่เข้ามาทำงานไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน เราให้คำจำกัดความง่ายๆ ซีอีโอของประเทศไทยที่เป็นผู้หญิงมีมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ทางด้านเอกชนถือว่าเราได้รับการตอบรับ ผู้หญิงเป็นที่ยอมรับอย่างมาก ผู้หญิงที่ได้ขึ้นมาในเวทีถือว่าเป็นผู้หญิงเก่งทั้งนั้น ขอชื่นชมไว้ในที่นี้ด้วยที่สามารถทำผลงานให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ผู้หญิงที่อยู่ในภาคของรัฐเองยังถือว่ามีไม่มาก

...

ตอนนี้คณะรัฐมนตรีมีผู้หญิงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย แต่ยังไม่เยอะถ้าเทียบกับประเทศอื่น จริงๆ แล้วอาชีพต่างๆ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเพศหรือเพศสภาพ ถ้าคนเรามีอุดมการณ์หรือความคิดที่มีความพร้อมจะช่วยผลักดันเรื่องของนโยบาย เรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจในการช่วยกันระหว่างภาครัฐและเอกชนต่างๆ เราก็มีการเปิดรับเช่นกัน สมรสเท่าเทียมที่เพิ่งผ่านไปเมื่อเดือนมกราคมนี้ ในฐานะนายกรัฐมนตรีเราก็ภาคภูมิใจมากๆ ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในประเทศที่มีกฎหมายนี้ ถือว่าเป็นกฎหมายที่มีความเท่าเทียม ภาครัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนในทุกเพศสภาพ ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจสำหรับคนไทยทุกคน

“ในฐานะของดิฉันเองที่เป็นคุณแม่ เป็นลูกสาว และเป็นภรรยา มีหลายบทบาทหน้าที่ และดิฉันเองก็ต้องเป็นคนหนึ่งที่จะต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในครอบครัว ให้กับลูก เพราะฉะนั้นตัวดิฉันก็ต้องเข้าใจโลกแบบเข้มแข็ง ไม่ใช่เข้าใจโลกแบบฝืนธรรมชาติ ดิฉันเข้าใจดีว่าในการมายืนอยู่ตรงนี้ ด้วยความเป็นผู้หญิง แน่นอนล่ะโดนปรามาสมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงอายุน้อย หรือใดๆ ก็ตาม เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมต่างๆ มากมาย ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่มาตรวัดความรู้ความสามารถของเพศใดเลย มันไม่ใช่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนนั้นมีความสามารถที่เพียงพอหรือไม่ แต่นั่นคือรูปลักษณ์ภายนอก คือความชอบ ความมั่นใจของแต่ละคน

ถ้าดิฉันสอนลูกดิฉันเอง ก็คงอยากให้เขาเห็นค่าของตัวเอง ให้เขาทราบว่าค่าของเขาอยู่ที่ตัวของเขา ในการที่จะเติบโตขึ้นมาด้วยความที่ยังมีพื้นฐานที่รักตัวเองมากพอที่จะส่งมอบความรักต่อให้คนอื่นได้ ถ้ายังรักตัวเองไม่มากพอ ชอบตัวเองไม่มากพอ เราก็จะไม่มีแรงในการที่จะรักหรือไปชอบคนอื่นได้ อันนี้คือสิ่งสำคัญ”

เพราะฉะนั้น อยากให้ผู้หญิงทุกๆ คนมั่นใจว่าถ้ามีความรู้ความสามารถในการทำงาน นั่นคือมาตรวัดของเราว่าเราเต็มที่ในการทำงานหรือไม่ เรื่องของภายนอกคือเรื่องของภายนอก มันไม่ใช่มาวัดความสามารถของเรา วันนี้ต้องขอตอกย้ำตรงนี้ว่า ความสามารถของเราอยู่ที่ไหน และเราจะมีบทบาทในการทำงานให้กับประเทศได้อย่างไร คนไทยมีศักยภาพมากมาย รอแค่โอกาสดีๆ ที่เราจะทำงานให้กับประเทศได้มากแค่ไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ