รมว.กต. เข้าคารวะประธานาธิบดีอิสราเอล ขอช่วยตัวประกันไทยอีก 1 คน คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ทราบวัน 5 ตัวประกันกลับสู่ประเทศไทย เผยทางการอิสราเอลชื่นชมไทย ทั้งความเป็นกลางไร้ศัตรู-แรงงานไทยมีฝีมือ เตรียมกำหนดยุทธศาสตร์ต่อยอดศักยภาพแรงงาน-เกษตรกรไทย

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะนายไอแซก เฮอร์ซอก (Isaac Herzog) ประธานาธิบดีแห่งรัฐอิสราเอล เพื่อแสดงความขอบคุณต่ออิสราเอล สำหรับการช่วยเหลือ และดูแลตัวประกันชาวไทยอย่างดี รวมถึงยังขอรับการสนับสนุนจากอิสราเอลในการช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยที่ยังเหลืออีก 1 คนสุดท้าย รวมถึงการส่งร่างตัวประกันชาวไทยอีก 2 คนกลับสู่ประเทศไทย โดยยืนยันว่า ประธานาธิบดีอิสราเอลให้ความสำคัญกับการปล่อยตัวประกันของไทย และรัฐบาลอิสราเอลมองว่า เกษตรกรชาวไทยที่เดินทางมาทำงาน ไม่ได้มาเพื่อสินจ้างรางวัลเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกที่สร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเกษตร และชื่นชมกับระบบการเกษตรของไทย ทั้งเทคนิคและเทคโนโลยีการบริหารจัดการ

นายมาริษยังย้ำว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างรัฐบาลของ 2 ประเทศที่ดีอยู่แล้ว ให้หยั่งรากลึกลงในหัวใจของประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงยังได้หารือถึงมูลค่าเพิ่มที่เกษตรกรไทยและแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอล ซึ่งจะทำให้เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้ภาครัฐหรือรัฐบาลมีความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนกับประเทศอิสราเอล ดังนั้น ภายหลังการเดินทางกลับประเทศไทยแล้ว ตนเองจะนำสิ่งที่ได้หารือกับทางการอิสราเอลไปกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ เพื่อยกระดับความร่วมมือทางด้านการเกษตรและความร่วมมือด้านแรงงาน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และถ่ายทอดลงไปสู่ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับประชาชน รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างภาคธุรกิจกับภาคธุรกิจ เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อย่างยั่งยืนระหว่างสองประเทศ

...

สอดคล้องกับประธานาธิบดีอิสราเอลที่เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศน่าจะกระชับความร่วมมือด้านธุรกิจ การลงทุน ความมั่นคง โครงสร้างพื้นฐาน และวิทยาศาสตร์การเกษตร ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างยั่งยืนด้วย พร้อมยังชื่นชมประเทศไทยที่ไม่มีศัตรูและเป็นมิตรของประเทศ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของไทย

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะนายไอแซก เฮอร์ซอก (Isaac Herzog) ประธานาธิบดีแห่งรัฐอิสราเอล
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เข้าเยี่ยมคารวะนายไอแซก เฮอร์ซอก (Isaac Herzog) ประธานาธิบดีแห่งรัฐอิสราเอล

นายมาริษยังได้หารือกับนาย Moshe Arbel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งรัฐอิสราเอล เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น ซึ่งทำให้ทราบถึงศักยภาพของคนไทยที่เดินทางมาทำงานในฟาร์มของประเทศอิสราเอล ซึ่งชาวอิสราเอลเห็นศักยภาพคนไทยมาก ตนจึงเน้นย้ำว่าเป็นโอกาสที่แสดงให้รัฐบาลอิสราเอลเห็นถึงภาระหน้าที่และบทบาทที่สำคัญของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องเกษตรกร ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างรัฐไทยกับรัฐอิสราเอลนั้นก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และยังสามารถถ่ายทอดความร่วมมือระหว่างรัฐให้ลงไปถึงประชาชนต่อประชาชนได้ ซึ่งจะเป็นความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนที่สุดของสังคมและของประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งอิสราเอลยังชื่นชมบทบาทที่สำคัญ ความพยายามและศักยภาพของประเทศไทยในการเจรจาร่วมกับมิตรประเทศของประเทศไทย จนนำมาถึงการปล่อยตัวประกันทั้ง 5 คน เพราะรัฐบาลอิสราเอลได้ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่า คนไทยทั้ง 5 คนที่จะได้รับการปล่อยตัวโดยอยู่บนพื้นฐานสำคัญคือ ข่าวสำคัญจากประเทศอิสราเอล และความสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศกาตาร์ ตุรกี อิหร่าน อียิปต์ สหรัฐอเมริกา และอิสราเอล ดังนั้น จึงทำให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยที่มีบทบาทร่วมกับมิตรประเทศทั้งหลาย และทั้ง 2 ข้างที่แตกต่างกันสองขั้ว แต่ประเทศไทยได้ยืนอยู่ตรงกลาง และสามารถผลักดันให้เกิดการเจรจาผ่านมิตรประเทศ และการเจรจาผ่านกระทรวงการต่างประเทศของไทยไปยังมิตรประเทศ รวมถึงอิสราเอลและสหรัฐอเมริกาจนประสบความสำเร็จ

ส่วนเรื่องของความขัดแย้งนั้น นายมาริษยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง แต่เรื่องมนุษยธรรมเป็นบทบาทที่ชัดเจนของประเทศไทย และตนเองได้เสนอให้กับรัฐบาลอิสราเอล ทั้งประธานาธิบดีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลว่า ประเทศไทยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับอิสราเอลในด้านมนุษยธรรม และประเทศไทยยินดีเป็นตัวกลางให้รัฐบาลอิสราเอลกับกลุ่มประเทศที่เป็นมิตรประเทศของไทย เพื่อแสดงศักยภาพของประเทศไทยที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ย้ำเสมอว่า ประเทศไทยพร้อมเป็นตัวกลางให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.กต. หารือกับนาย Moshe Arbel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งรัฐอิสราเอล
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.กต. หารือกับนาย Moshe Arbel รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งรัฐอิสราเอล

นายมาริษยังกล่าวถึงคืบหน้าในการส่งตัวประกันทั้ง 5 คนกลับสู่มาตุภูมิ หลังได้รับอิสรภาพแล้วว่า อีกประมาณ 1 สัปดาห์ภายหลังการตรวจสุขภาพเสร็จสิ้น โดยภายในวันนี้ (2 ก.พ.) หรือวันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.) น่าจะสามารถสรุปได้ว่าทั้ง 5 คนมีความพร้อมที่จะเดินทางกลับประเทศไทยเมื่อใด ซึ่งขณะนี้ยังขอรอฟังข้อแนะนำจากทางแพทย์ทั้งจากไทยและอิสราเอลก่อน พร้อมขอบคุณผู้บัญชาการทหารสูงสุดและกองบัญชาการกองทัพไทยที่ได้ให้ความใส่ใจและสนับสนุนปฏิบัติการของกระทรวงการต่างประเทศทุกอย่าง และย้ำว่า ทั้งรัฐบาลและกองทัพไทยเอง ประสงค์ที่จะนำชาวไทยทั้ง 5 คนเดินทางกลับประเทศให้เร็วที่สุด

ส่วนจะต้องมีการเตรียมเที่ยวบินพิเศษมารับหรือไม่นั้น นายมาริษระบุว่า ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารว่าจะมีมากเท่าใด ซึ่งทราบว่า ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ จะมีญาติของแรงงานไทยเดินทางไปเยี่ยมด้วย ครอบครัวละ 1 คน และการนำเครื่องบินเที่ยวพิเศษมารับโดยที่จำนวนผู้โดยสารไม่มากนัก จะทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมการบินให้กับอิสราเอลแพงมาก ซึ่งต้องให้ทางกองทัพไทยพิจารณาร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศว่า จะใช้วิธีการใดจึงจะคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อไม่ให้งบประมาณสุรุ่ยสุร่าย และจะพยายามให้คนไทยทั้ง 5 คนได้รับความสะดวกสบาย กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวได้โดยเร็วที่สุด หรือหากต้องนำเที่ยวบินพิเศษมารับคณะ ก็อาจจะพิจารณาเพิ่มญาติของแรงงานเป็นครอบครัวละ 2 คน ซึ่งสถานทูตจะประสานกับกองทัพไทยและกองทัพอากาศเพื่อพิจารณาความเหมาะสม