“อัครเดช” ยินดีตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ ชนะศึกเลือกตั้งนายก อบจ. ย้ำประสานการเมืองท้องถิ่นสู่การเมืองระดับประเทศ “ธนกร” เชื่อ พรรคร่วมไม่ร้าวลุยทำงานต่อ มอง พรรคประชาชนต้องทบทวนตัวเองหนัก
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยว่า ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัคร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (สมาชิก อบจ.) ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นที่มีความสำคัญอย่างมาก
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มีบุคลากรของพรรครวมไทยสร้างชาติ และผู้สมัครที่เป็นกลุ่มแนวร่วมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงสมัครเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. และสมาชิกสภา อบจ. ในพื้นที่ต่างๆ เช่น สุราษฎร์ธานี, พัทลุง, สมุทรสงคราม, ภูเก็ต และนราธิวาส โดยพรรครวมไทยสร้างชาติ ขอแสดงความยินดีกับผู้สมัครของพรรคทุกคนที่ได้รับการเลือกตั้งให้เข้าไปทำหน้าที่ในนาม ส.อบจ. ซึ่งพรรคยืนยันว่าบุคลากรในนามตัวแทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะมุ่งมั่นทำงานพัฒนาท้องถิ่นของตนเองอย่างเต็มที่ ให้เกิดการพัฒนาอันมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่พ่อแม่พี่น้องทุกคนในจังหวัด
ขณะที่การทำงานจะประสานเชื่อมโยงการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับประเทศในทุกมิติ เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีเอกภาพ เกิดความต่อเนื่องและสอดคล้องร่วมกัน เพื่อให้สามารถพัฒนาทั้งจังหวัดและประเทศไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยพัฒนาอย่างมีระบบตามความต้องการของพ่อแม่พี่น้องประชาชน
“ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพี่น้องที่มอบให้กับผู้แทนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการเลือกตั้งนายก อบจ. ที่ทำให้บุคลากรของพรรคได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่พี่น้องในหลายพื้นที่ และพรรคขอให้คำมั่นว่าจะประสานการทำงานระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้ประโยชน์สูงสุดแก่บ้านเมือง”
...

ทางด้าน นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด ว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่ชนะรับการเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. จะเป็นคนเก่าที่ทำงานพื้นที่มาต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนตัดสินใจเลือกที่ผลงาน ครั้งนี้แม้ว่ามีพรรคการเมืองลงไปสนับสนุนอย่างชัดเจน แต่ก็มีอีกหลายพื้นที่ที่เลือกจะลงสมัครในนามอิสระไม่สังกัดพรรค จึงยังไม่สามารถวัดผลเชื่อมโยงการเมืองระดับชาติได้ทั้งหมด
ส่วนพรรคประชาชน มีการลงไปหาเสียงอย่างเต็มรูปแบบ ประหนึ่งเหมือนการเลือกตั้งระดับชาติ ทั้งตัว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึงแกนนำคนสำคัญอีกหลายคน ได้ทุ่มสรรพกำลังลงพื้นที่อย่างหนักและคาดหวังจะชนะในหลายจังหวัด แต่ท้ายสุดได้มาแค่ อบจ.ลำพูน ที่เดียวเท่านั้น ตนมองว่าเป็นภาพสะท้อนถึงกราฟการเมือง ที่เมื่อกระแสขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว สุดท้ายจะคืนสู่สามัญวนลงมาสู่จุดเริ่มต้น
ทั้งนี้ ในสมัยพรรคก้าวไกลเดิม ได้สร้างกระแสทางการเมืองจนได้รับเลือกในปี 2566 แต่เมื่อได้เข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายค้านและอีกหลายประเด็นในสภา ผ่านการถูกยุบพรรคและเปลี่ยนมาเป็นพรรคประชาชน ผลการทำงานต่างๆ ได้สะท้อนให้ประชาชนเห็น และตัดสินใจผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นในครั้งนี้ ซึ่งพรรคประชาชนเองก็ต้องนำประเด็นเหล่านี้กลับมาทบทวนตัวเองอย่างหนักด้วย

ในประเด็นคำถามว่า พรรคร่วมรัฐบาลที่แข่งขันกันเองอย่างดุเดือดในศึกเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อการเมืองระดับชาติหรือไม่นั้น นายธนกร มองว่าไม่เกี่ยวกัน เมื่อเลือกตั้ง อบจ. จบ ผู้ที่ได้รับเลือกก็เดินหน้าทำงานให้กับประชาชนต่อไป ส่วนการเมืองใหญ่ระดับชาติในพรรคร่วมรัฐบาลเองก็ต้องเดินหน้าทำงานให้กับประชาชนทั้งประเทศต่อเนื่องเช่นกัน ไม่มีเรื่องใดที่จะเป็นปัญหาสร้างความแตกแยกที่จะทำให้พรรคร่วมทำงานร่วมกันต่อไม่ได้
“ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ มีเครือข่ายลงสมัคร ซึ่งเป็นคนทำงานในพื้นที่มาตลอด และก็ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน 4-5 จังหวัด ก็พร้อมทำงานให้กับท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ทั้งนี้เชื่อว่าในพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เราต่างรู้บทบาทหน้าที่ของตนเองดีที่จะต้องมุ่งทำงานให้กับประชาชนและประเทศชาติเต็มกำลังในเวลาที่มีอยู่ การแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะต้องแข่งขันกันตามกติกา ซึ่งไม่ได้เป็นความขัดแย้งตามที่มีการวิเคราะห์กัน โดยพรรคร่วมรัฐบาลยังคงเดินหน้า แข่งกันทำงานให้กับประชาชนและเพื่อภาพรวมของประเทศเป็นสำคัญ”