“นายกฯ อิ๊งค์” เล่าสบายๆ รีแคปเดือน ม.ค. ทั้งภารกิจ นโยบาย ความสำเร็จ บอก ภูมิใจได้เห็นประชาชนมีความสุข ชีวิตดีขึ้น ไม่สนคนบูลลี่การแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผม ขอฝากตัวเป็นนักจัดรายการมือใหม่

เมื่อเวลา 08.02 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เผยผ่านรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ซึ่งเป็นการออกอากาศครั้งแรก โดยมีการสรุปการดำเนินงานที่สำคัญของรัฐบาลในช่วงเดือนมกราคม 2568 รวมถึงเบื้องหลังการทำงานมาเล่าให้ประชาชนรับทราบ พร้อมระบุว่าเป็นรูปแบบรายการที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน

เริ่มจากวันที่ 1 มกราคม 2568 กับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ที่ดำเนินการครบทั้งประเทศแล้ว ดีใจที่ประชาชนไม่ต้องไปต่อคิวรอตั้งแต่ 05.00 น. เพื่อรอพบแพทย์หรือรักษาแค่ 15 นาที เสียดายเวลาทั้งวัน ตอนนี้ได้ฟีดแบ็กกลับมาดีมากๆ หากพบปัญหาที่ระบบไม่ตอบสนองสามารถแจ้งมายังรัฐบาลได้

ต่อด้วยวันเด็ก 11 มกราคม 2568 เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเจอเด็กๆ ทั่วประเทศ มารอต่อคิวนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ซึ่งวันดังกล่าวมีการเปิดตัวนโยบาย ODOS (หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน) คิดว่ามีประโยชน์มาก อยากให้เด็กทุกที่ได้เรียน ซึ่งสมัยพรรคไทยรักไทยเคยทำโครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุน และมองว่าอยากให้เด็กๆ ได้มีโอกาสเห็นโลกที่กว้างขึ้น ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และตนเห็นศักยภาพของเด็กรุ่นใหม่มากกว่าตัวเอง จะสามารถนำความรู้ที่ได้รับกลับมาทำอะไรได้อีกมาก และคนที่จะมีโอกาสไปเรียนรู้ในต่างประเทศก็ไม่ได้แค่เด็กท็อปของห้องเท่านั้น และเรื่องการศึกษาเราต้องไปเผื่อไปยังอนาคต 10-20 ปี

...

บ้านเพื่อคนไทย ช่วยประชาชนมีความภูมิใจ

นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทย ที่เปิดตัวและให้จองสิทธิไปเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ว่า ได้รับการตอบรับดีมาก อยากให้คนที่มีศักยภาพในการทำงานมีกำลังใจ มีที่อยู่ มีความภูมิใจ ซึ่งรัฐบาลจะได้คนที่มีคุณภาพมากขึ้น การจ่ายเงินนี้ไม่ได้แพงเกินไป เป็นความภูมิใจที่มีบ้าน รัฐบาลได้คนมีศักยภาพเพิ่มขึ้น สุขภาพจิตดีขึ้น และมองว่าบ้านเพื่อคนไทยตอบโจทย์ปัจจัยสี่ ส่วนเรื่องการใช้โถส้วมไฟฟ้าเพราะในอนาคตทุกอย่างจะเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล และเพื่อให้คนมีความฝันว่า วันหนึ่งจะทำงานเก็บเงินและซื้อบ้านหลังใหญ่ขึ้นได้อีก เป็นแรงบันดาลใจ แรงผลักดันให้คนสู้งานต่อ เพราะกลับมาก็มีความสุขแล้ว อยากทำงานให้ได้มากขึ้นเพื่อเก็บเงินและซื้อในสิ่งที่ตัวเองฝัน อยากให้คนไทยมีแรงบันดาลใจเยอะๆ

จากนั้นวันที่ 23 มกราคม 2568 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือกฎหมายสมรสเท่าเทียม มีการบังคับใช้และเริ่มให้จดทะเบียนสมรส นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องนี้ทุกฝ่ายทางการเมืองเห็นด้วยตรงกัน เป็นการสร้างโอกาส สร้างความเท่าเทียม รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายดูแลประชาชนทุกคนได้ เป็นสิ่งที่ดีมาก และแรงที่ผลักดันทุกแรงสำคัญมาก ต่อสู้มา 20 กว่าปี ถ้าไม่ใช้ทุกแรงไม่มีทางสำเร็จ จึงเป็นความภูมิใจของทุกคน

ในช่วงวันที่ 20-24 มกราคม 2568 นายกรัฐมนตรีพร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่ดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และคิดว่าปีหน้าจะไปอีก เพราะการมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสามารถดึงความสนใจคนได้จริงๆ ต่างชาติจะเข้ามาเพื่อพูดคุยเพราะมองว่าสามารถตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ หลายๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงต่างๆ ก็สามารถจบลงได้ภายใน 4-5 วันที่เดินทางไป ซึ่งการประชุมนี้จะประชุมตั้งแต่ต้นปี บอกว่าเทรนด์ของโลกกำลังไปทางไหน แต่ละประเทศมุ่งเน้นอะไร จะทราบว่าตลอดปีทั่วโลกทำอะไรบ้าง อีกทั้งเป็นการหาเงินเข้าประเทศได้อย่างมากมาย และลงนามสัญญาการค้าเสรี FTA ไทย - EFTA ฉบับแรก ทำให้ง่ายต่อการลงทุน การติดต่อมากขึ้น เป็นโอกาสของคนไทย ของ SME ซึ่งตนเองเชื่อในศักยภาพและเชื่อว่าคนไทยทำได้แน่นอน

ขณะเดียวกันในส่วนของการจัด Thailand Reception ซึ่งต้องมีการจองพื้นที่กันข้ามปี ซึ่งนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนมองการณ์ไกลจองไว้ตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งงานนี้ทั่วโลกชม อาหารไทยเป็นไฮไลต์มาก ผู้บริหารหลายๆ บริษัทก็มาชิมแล้วชอบมาก นอกจากนี้ ยังได้มีโอกาสไปเดินซูเปอร์มาเก็ต ได้เห็นผลิตภัณฑ์ของไทยวางขาย เป็นเรื่องน่าภูมิใจมาก

เข้มข้นจัดการฝุ่น PM 2.5

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการแก้ฝุ่น PM 2.5 ในระหว่างไปประชุมที่ดาวอส ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับทราบข้อมูลจากทาง GISTDA ว่าจะมีฝุ่นเข้ามาในประเทศไทย รู้สึกเป็นห่วง จึงเรียกทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาคุยก่อนวันเดินทาง กำชับและเน้นย้ำว่าอะไรที่จะทำให้เกิดฝุ่นต้องเข้มข้น จะได้บรรเทาให้ได้มากที่สุด แต่เมื่อฝุ่นเข้ามาตนก็ไม่แฮปปี้เช่นกัน เพราะมีลูกเล็ก 2 คน รวมถึงหลานๆ ไปโรงเรียนไม่ได้ ต้องหยุดเรียน รัฐบาลและแต่ละกระทรวงพยายามเต็มที่ ทั้งมาตรการห้ามเผา เปลี่ยนใบอ้อยให้มีมูลค่ามากขึ้น จูงใจเกษตรกร รวมถึงซังข้าวโพด อ้อย รัฐบาลก็หาทางออกในเรื่องการไถกลบ รับซื้อ ซึ่งการเผาถามว่ายังมีอยู่ไหม มีอยู่แน่นอน แต่ว่าลดน้อยลงอย่างมาก

ในเรื่องนโยบายรถเมล์และรถไฟฟ้าฟรีในกรุงเทพมหานคร ของกระทรวงคมนาคม สามารถลดรถยนต์ 5 แสนคันต่อวัน ลดควันลดฝุ่นลงไปได้มาก รัฐบาลเตรียมการตั้งแต่ช่วงรับตำแหน่ง และเรื่องนี้ยังเป็นวาระแห่งอาเซียน เราต้องร่วมมือกัน ลมพัดจากเราไปเขา เขามาเรา ไม่โทษกันแต่ต้องช่วยกัน การติดต่อทางการต้องมีลำดับขั้น ตอนนี้รัฐมนตรีต่างประเทศในอาเซียนคุยกันเรื่องนี้ เรื่องวิกฤติจะช่วยกันได้มากขึ้นถ้ามีคอนเนกชั่นที่ดี

เงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ รอคลังแถลง

ทางด้านเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีการโอนเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2568 น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ทุกครั้งที่เห็นผู้ได้รับประโยชน์รู้สึกดีใจ ได้เห็นการเอาเงินไปรวมกันต่อยอด อีกทั้งในวันนั้นตนเองยังหันไปคุยกับรัฐมนตรีคลังทั้ง 3 คนว่า อย่าลืมภูมิใจในตัวเองที่ผลักดันนโยบายจนสำเร็จ และพรรคเพื่อไทยดันเรื่องนี้มาตลอด พร้อมยืนยันว่า “เฟส 3 มาแน่นอน แต่กี่โมงเดี๋ยวรอคลังแถลง ฤกษ์งามยามดีอยู่ที่คลัง”

ในช่วงวันที่ 28 มกราคม 2568 คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 เพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และมิจฉาชีพ หรือ พ.ร.ก.ไซเบอร์ อาเซียนทั้งหมดก็เห็นเรื่องนี้สำคัญมาก กฎหมายนี้เพื่อเคลียร์เรื่องอาชญากรรมไซเบอร์ให้หมด เรื่องนี้รอไม่ได้ เพราะหลายคนหมดตัว บางคนต้องจบชีวิตจากเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตเหลือศูนย์ ถ้าออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จะใช้เวลานานมาก เพราะเรื่องนี้รอไม่ได้ และกฎหมายนี้ยังทำให้ธนาคารและค่ายมือถือมีส่วนร่วมกับการรับผิดชอบด้วย

ไม่สนคนบูลลี่ รู้สึก แต่จมไม่ได้

ในหัวข้ออะไรคือกำลังใจของนายกรัฐมนตรีในทุกวัน น.ส.แพทองธาร ระบุว่า “ถ้าโดนว่าโดนอะไรเสียใจ รู้สึกแน่นอน แต่จมไม่ได้เพราะว่างานรออยู่เยอะมาก โดนว่านาทีนี้ นาทีหน้าต้องไปประชุมแล้วค่ะ จริงๆ แล้วพยายามมองว่าหัวข้อไหนที่เขาว่า เช่น ประชาชนไม่พอใจเรื่องการจัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ กลับมานึกแล้วว่าเรียกทีมคุย เรียกกระทรวงคุย จัดการอย่างนี้ๆ นะ อันนี้ยังไม่เข้มข้นพอ จัดการทำไป แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่นเสื้อผ้าหน้าผม การแต่งตัวที่ถูกบูลลี่มาโดยตลอด ก็ไม่ได้คิดอะไร”

ทั้งนี้ ตนเองรู้สึกภูมิใจในความสำเร็จที่ประชาชนมีความสุขกับนโยบายที่ได้ไป ชีวิตดีขึ้นจากสิ่งที่นโยบายสำเร็จ ประชาชนขอบคุณรัฐบาล ขอบคุณนายกรัฐมนตรี ได้เงินหมื่นไปต่อยอด มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เป็นเหมือนการเติมเต็มและรู้สึกว่า “ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละ ไปทำงานแบบนี้ ให้ประชาชนมีความสุข ก็นี่เป็นฉัน ก็อย่างนั้นอ่ะค่ะ”

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีหวังว่าประชาชนที่ได้ยินได้ฟังอะไรที่เป็นความรู้ เป็นแรงบันดาลใจ ความสนุกสนาน จากรายการนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และเดือนหน้าจะรีแคปของเดือนที่ผ่านมาให้ฟังแบบนี้ จะได้เข้าใจ ส่งใจถึงใจกันมากขึ้นว่า ใจนายกรัฐมนตรีคิดอะไรและอยากเล่าให้ประชาชนฟังบ้าง ก่อนจะฝากติดตามนักจัดรายการมือใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า รายการโอกาสไทยกับนายกแพทองธาร มีออกอากาศทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เวลา 08.00-08.30 น.