"สีน้ำเงิน" เดินเกมลึก ยึดแต้มต่อศึก อบจ. โกยคะแนนต่อรองอำนาจ "นักวิชาการ" มอง สะเทือนขุมกำลัง "เพื่อไทย" อาจโดนกินรวบ
ผลเลือกตั้งไม่เป็นทางการ ในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) จำนวน 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) มีประชาชนออกไปใช้สิทธิคึกคัก โดยเฉพาะหน่วยเลือกตั้งที่ต้องจับตาว่าผู้สมัครได้รับสนับสนุนจากพรรคประชาชนจะคว้าเก้าอี้ได้หรือไม่ แม้ก่อนหน้านี้พ่ายแพ้ไปเกือบทุกจังหวัด คู่ต่อกรสำคัญคือผู้สมัครที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย แต่ประมาทไม่ได้ เนื่องจากมีผู้สมัครสีเสื้ออิสระที่แฝงอยู่ในคราบเสื้อสีน้ำเงินที่เดินเกมศึกเหนือชั้นกว่าที่หลายคนคิด

ผลนับคะแนนไม่เป็นทางการของเครือข่ายสีน้ำเงิน ส่งผู้สมัครนายก อบจ. 15 จังหวัด แต่คาดหวังไว้ 7 จังหวัด โดยผลคะแนนล่าสุด เวลา 21.00 น. วันที่ 1 ก.พ. 68 มีดังนี้
-อรพิน จิระพันธุ์วาณิช อดีตนายก อบจ.ลพบุรี กลุ่มรักลพบุรี คะแนนนำอยู่ที่ 17,354
-ภูษิต เล็กอุดากร อดีตนายก อบจ.บุรีรัมย์ กลุ่มฅนบุรีรัมย์ คะแนนนำอยู่ที่ 365,356
-แว่นฟ้า ทองศรี อดีตนายก อบจ.บึงกาฬ คะแนนนำอยู่ที่ 84,977
-พนัส พันธุ์วรรณ อดีตรองนายก อบจ.อำนาจเจริญ คะแนนนำอยู่ที่ 79,309
-สมศักดิ์ กิตติธรกุล อดีตนายก อบจ.กระบี่ คะแนนนำอยู่ที่ 7,894
-สัมฤทธิ์ เลียงประสิทธิ์ อดีตนายก อบจ.สตูล 3 สมัย คะแนนนำอยู่ที่ 29,971
...

อบจ.สายสีน้ำเงิน เดินเกมเหนือชั้นกว่าที่คิด
ผลนับคะแนนไม่เป็นทางการที่ออกมา "ผศ.ว่าที่ ร.ต.จตุพล ดวงจิตร" อาจารย์วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า สิ่งที่เห็นชัดหลังผลคะแนนออกมาอย่างไม่เป็นทางการคือ กลุ่มผู้สมัครอิสระที่เหลือบสีน้ำเงินได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น
ผลที่ออกมาบ่งบอกให้เห็นว่า จากเดิมที่หลายคนมองว่า ศึกเลือกตั้ง อบจ.เป็นการแข่งขันกันแค่ 2 ค่าย ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคประชาชน แต่จริงแล้วผู้สมัครอิสระ แต่ไม่ได้อิสระจริงๆ เพราะเหลือบสีน้ำเงินมีอยู่จำนวนมาก และถ้าเทียบกันแล้วเก้าอี้ที่สายสีน้ำเงินได้รับเลือกตั้ง อาจได้ไม่น้อยกว่าเพื่อไทยในการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้
การที่กลุ่มสีน้ำเงินยึดพื้นที่ อบจ.ได้ แสดงถึงกลยุทธ์การเมือง เป็นการรุกคืบทางการเมืองในเชิงโครงสร้าง เพื่อคานอำนาจกับพรรคเพื่อไทย ที่เป็นแกนนำรัฐบาลอยู่ในตอนนี้

ขณะเดียวกัน พรรคเพื่อไทยก็ต้องคิดมากขึ้นในการดีลกับพรรคภูมิใจไทย ต่อจากนี้จะเป็นไปอย่างไร เพราะถ้าต่อไป เพื่อไทยก้าวพลาด หรือจัดสรรผลประโยชน์ให้กับสายสีน้ำเงินได้ไม่ลงตัว ก็อาจเกิดขั้วทางการเมืองระดับประเทศ ที่มีความสวิงเกิดขึ้นได้
“เชิงอำนาจทางการเมือง ต่อไปพรรคเพื่อไทยจะเกรงใจพรรคภูมิใจไทยมากขึ้น ทำให้มีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น ทั้งในเชิงอำนาจและในตัวสัดส่วนที่สามารถควบคุมการบริหารระดับจังหวัดได้ นี่จึงเป็นเกมรุกคืบทางการเมือง ที่ไม่ต่างจากการเดินเกมอำนาจในศึกของ สว.”
ถ้าวิเคราะห์การเดินเกมของฝั่งสีน้ำเงิน ที่ใช้ฐานเสียงเดิมในพื้นที่ ย่อมแสดงให้เห็นถึงการเดินเกมที่เหนือชั้น เพราะถ้ามองการหาเสียงของเพื่อไทย และพรรคประชาชน ที่นำ ทักษิณ ชินวัตร และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาช่วยหาเสียง แต่ก็ยังได้รับความนิยมในวงแคบ ถ้าเทียบกับความเหนียวแน่นของฐานเสียงเดิมที่อยู่ในจังหวัดนั้น ซึ่งจะส่งผลต่อการเมืองในระดับประเทศในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน.