จับตา “นายกฯอิ๊งค์” บินเยือนจีนหารือ 3 ผู้นำแดนมังกร จับเข่าคุย “สี จิ้นผิง” ใช้โอกาสครบรอบ 50 ปี สถาปนาสัมพันธ์การทูตไทย-จีน ขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือทุกมิติ ทั้งขยายการค้าการลงทุนเศรษฐกิจและสังคม พร้อมร่วมพิธีเปิดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว “อนุสรณ์” ป้องนายใหญ่ไม่ได้ตำหนิใคร แค่คนเก๋าเกมพูดเพราะห่วงใย “สมคิด” จี้พรรคร่วมฯปรับตัวเพิ่มสปีดการทำงาน สวน “อนุทิน” อย่าอ้างเจอด่านตรวจสอบเข้มข้น “วิสุทธิ์” ชี้ปมตัดไฟแก๊งคอลฯไม่สั่นคลอนรัฐบาล แค่ความเห็นต่างไม่ทำให้แตกแยก เด็ก ทสท.ซัดสองมาตรฐานตัดไฟธุรกิจจีนเทากับชาวบ้าน เฉ่งรัฐเกรงใจทุนสีเทาหรือมีใครเอี่ยว ฝ่ายค้านนัดดินเนอร์ 7 ก.พ. เคาะข้อมูลซักฟอกรัฐบาล
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 ก.พ. โดยมีกำหนดจะเข้าพบหารือผู้นำคนสำคัญ ทั้งนายสี จิ้นผิง ประธานา ธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชน จีน และนายหลี่ เฉียง นายกฯสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือทุกมิติ
นายกฯไปจีนหารือ “สี จิ้นผิง” 5 ก.พ.
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บ่ายวันที่ 5 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ จะเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ณ กรุงปักกิ่ง โดยนายกฯมีกำหนดการวันที่ 6 ก.พ.เข้าประชุมหารือกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณ รัฐประชาชนจีน และนายหลี่ เฉียง นายกฯสาธารณ รัฐประชาชนจีน เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งการค้า การลงทุน เศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศ และปี 68 ถือว่าครบรอบ 50 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน จากนั้นนายกฯจะวางพวงมาลาที่ อนุสาวรีย์วีรชน ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ช่วงบ่ายเข้าร่วมพิธีตรวจแถวสวนสนามภายในศาลามหาประชาชน และเข้าพบปะหารือร่วมกับนายหลี่ เฉียง นายกฯจีน พร้อมเป็นสักขีพยานลงนามข้อตกลงต่างๆทั้งเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และข้อตกลงต่างๆระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ ช่วงค่ำร่วมงานเลี้ยงรับรอง
...
ร่วมเปิดแข่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว
นายจิรายุกล่าวอีกว่า เช้าวันที่ 7 ก.พ. นายกฯออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองฮาร์บิน ในมณฑลเฮย์หลงเจียงตามคำเชิญของรัฐบาลจีน โดยช่วงเที่ยงประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะเป็นประธานเลี้ยงต้อนรับผู้นำแต่ละประเทศ และเชิญนายกฯเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ นายกฯจะพบกับนักกีฬาไทยที่ร่วมลงแข่งขันในงานแสดงศิลปะแกะสลักน้ำแข็งหรือ Harbin Ice and Snow World ด้วย
“สมคิด” เชื่อ รบ.ทำงานเร็วขึ้นได้
นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บอกพรรคร่วมรัฐบาลทำงานช้าว่า เป็นความเห็นที่ควรรับฟัง เชื่อว่าพรรคร่วมทุกพรรคเข้าใจถ้าอันไหนที่ช้าปรับให้เร็วขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาทำงานจำกัด ที่สำคัญต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นความจริง เนื่องจากระบบราชการเองมีส่วนทำให้การทำงานล่าช้ามีปัญหา เพราะกฎหมายระเบียบขั้นตอนมากเกินจำเป็น ไม่เหมาะในการพัฒนาประเทศยุคใหม่ ที่หมุนเดินเร็วไปเร็ว รัฐบาลยังช้าจากระบบเหล่านี้ อะไรที่ติดขัดเรื่องระเบียบควรแก้ระเบียบ อะไรติดขัดกฎหมายก็แก้กฎหมาย รัฐบาลถึงจะทำงานตอบสนองประชาชนได้ทันเวลา เชื่อว่าเป็นความเห็นที่ทุกพรรคการเมืองเข้าใจ และทราบดีว่านายทักษิณหมายถึงอะไร ไม่ใช่การต่อว่าแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
จี้พรรคร่วมปรับตัวอย่าอ้างตรวจสอบเข้ม
เมื่อถามว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระบุว่านายทักษิณอาจจะยังไม่ชินกับการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปที่การตรวจสอบเข้มข้น นายสมคิดกล่าวว่า ที่บอกว่าระบบตรวจสอบเข้มข้นเป็นความจริง แต่ไม่ได้แปลว่าการทำงานต้องล่าช้าไปด้วย เชื่อว่าถ้าทุกคนปรับตัวการทำงานจะเร็วขึ้นเพื่อตอบสนองประชาชนได้
ป้อง “ทักษิณ” มองอนาคตไม่ตำหนิใคร
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายทักษิณออกมาระบุว่าพรรคร่วมฯทำงานช้ากว่ารัฐบาลพรรคเดียว นายทักษิณเป็นนายกฯที่มีผลงานมากที่สุดของประเทศ มีประสบการณ์การเมืองไทยมานาน มีเพื่อนเป็นผู้นำในประเทศชั้นนำหลายประเทศ เวลาปราศรัยอยากทำให้คนไทยหายจนลืมตาอ้าปากได้เร็วที่สุดหลายเวทีบอกจะทำให้ปี 70 คนไทยเอามือจะล้วงกระเป๋าไม่ได้เพราะเงินเต็มกระเป๋า การไปถึงตรงนั้นคนขับเคลื่อนคือรัฐบาล ท่านมองจากคนนอกเข้าไป เห็นหลายเรื่องทำได้เร็วกว่าที่เป็นอยู่ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต ถ้ารัฐบาลเสียงข้างมากหรือพรรคร่วมฯไม่เยอะ ทำไปได้นานแล้ว ไม่ต้องมาแบ่งเป็นหลายรอบ ไม่มีเจตนาตำหนิใคร แต่พูดบนพื้นฐานความเข้าใจ และมองไปถึงการเลือกตั้งปี 70 แน่นอนวันนี้ทุกพรรคการเมืองทำงาน แต่พอเป็นพรรคร่วมฯอาจล่าช้าไปบ้าง ถ้า พท.เป็นรัฐบาลพรรคเดียวจะทำงานขับเคลื่อนนโยบายได้รวดเร็ว
โต้นายใหญ่เก๋าเกม ไม่ใช่ห่างการเมือง
เมื่อถามว่านายอนุทินมองว่านายทักษิณอาจยังไม่ชินกับการเมืองที่เปลี่ยนไป นายอนุสรณ์กล่าวว่า แน่นอนว่าการเป็นพรรคร่วมฯทำงานร่วมรัฐบาล แต่ทุกพรรคต้องทำงานแข่งขันกัน ที่สุดผลประโยชน์กับประชาชน และการเป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่นายทักษิณพูด ท่านเคยทำได้มาแล้ว ดังนั้นปี 70 ประชาชนจะได้ตัดสินใจ และยืนยันนายทักษิณเข้าใจการเมืองไทย มีความรู้มีประสบการณ์ ไม่ได้พูดเพราะห่างจากเมืองไทยแน่นอน
“วิสุทธิ์” ชี้ปมตัดไฟแก๊งคอลฯไร้ขัดแย้ง
วันเดียวกัน นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย ระบุว่า การตัดไฟฟ้าแก๊งคอล เซ็นเตอร์ ต้องรอคำสั่ง จะยกเลิกต้องเป็นขั้นตอนว่า นายอนุทินคงพยายามทำแล้ว แต่ยังทำไม่สำเร็จ เป็นกระแสที่ทุกคนเป็นห่วง และการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้ ท่านพูดในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่เป็นห่วงประเทศชาติบ้านเมือง อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงไวๆและอยากให้จัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ไม่ได้มาสั่งการในรัฐบาล เป็นภาระหน้าที่นายอนุทินต้องรับผิดชอบในฐานะรัฐมนตรี จึงพูดคนละมุม คนละอำนาจหน้าที่ แต่สุดท้ายรัฐบาลต้องแก้ไขปัญหาให้ได้ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ คงไม่เอาคนทำ ผิดกฎหมายไว้ การเห็นแย้งกันไม่มีอะไรจะทำให้เกิดการแตกแยก ทราบว่านายกฯกับนายอนุทิน และนายทักษิณคุยกันตลอดอยู่แล้ว ส่วนที่ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล รัฐมนตรีน่าจะเตรียมข้อมูลชี้แจงไว้พอสมควรแล้ว ทุกคนคงไม่กังวลอะไรในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเสียงพรรคร่วมฯยังแน่นปึ้ก
มั่นใจปราบได้ในไม่ช้าไม่กระทบ รบ.
เมื่อถามว่าจะไม่กระทบต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่ กระทบ เป็นธรรมดาที่จะให้คนทำตามรวดเร็วทันใจทั้งหมดไม่มี บางครั้งอาจช้า ติดขั้นตอนกฎหมายบ้าง นายทักษิณเป็นคนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงไวๆ เป็นแค่ข้อเสนอแนะ แต่ไม่ได้ไปตำหนินายอนุทินว่าไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ตามขั้นตอนเราต้องค่อยๆ ทำกันไป มั่นใจว่าอีกไม่นานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ คงหมดไปจากประเทศนี้ เพราะนายกฯ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.กลาโหม และนายอนุทินได้สั่งให้ซีลพื้นที่ติดชายแดน จะมีผลต่อกระบวนการปราบปรามยาเสพติด ใช้พลังจากทุกภาคส่วนไปสกัดไม่ให้เข้ามา พวกทุนสีเทาสีดำทั้งหลายจะทำงานยากขึ้น น.ส.แพทองธารและนายอนุทินคงพูดคุยกัน ไม่มีอะไรให้น่าหนักใจและไม่มีความขัดแย้งอะไร เมื่อถามว่า ยาเสพติดกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะหมดไปภายในสิ้นปีนี้เหมือนที่นายทักษิณเคยพูดไว้หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า น.ส.แพทองธารในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรม แกนนำพรรค พูดในพรรคตลอดว่าต้องหาแนวทางซีลพื้นที่ชายแดนทั้งหมด เชื่อมั่นว่าปัญหาจะลดน้อยลงทันที จะมีการตรวจสอบและแก้ปัญหาได้มากขึ้น
ดีอีย้ำเดดไลน์คุมเข้มบัญชีม้า
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยกระดับความปลอดภัยในการใช้ “Mobile Banking” สกัดกั้นบัญชีม้าที่เป็นเส้นทางก่ออาชญากรรมของมิจฉาชีพ โดยกำหนดให้ชื่อผู้ใช้งานตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ กำหนดให้ธนาคารแจ้งผู้ใช้ หากตรวจพบรายชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือไม่ตรงบัญชี Mobile Banking ผู้ใช้ต้องได้รับข้อความผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร ระหว่างวันที่ 1-28 ก.พ.68 เพื่อให้ยืนยันตัวตนผ่านศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ ภายในวันที่ 30 เม.ย.68 หากไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด ปปง. ธปท. และ กสทช.จะพิจารณาระงับการใช้งาน Mobile Banking ชั่วคราว หากไม่ได้รับแจ้งเตือนสามารถใช้งาน Mobile Banking ได้ตามปกติ ส่วนสมุดบัญชียังคงใช้งานได้ทุกกรณี
ปลัด มท.แจงยิบทำหนังสือถาม สมช.
วันเดียวกัน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) และประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ลงนามหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงในพื้นที่การจำหน่ายพลังงานให้เมียนมา สืบเนื่องจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นนโยบายรัฐบาลที่มีมิติด้านความมั่นคงและมนุษยธรรมมาเกี่ยวข้องด้วยว่า แม้ มท.เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง แต่เป็นการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นอกประเทศ มท.ที่กำกับดูแล กฟภ.จะดำเนินการใดๆ ต้องได้รับข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงตามกฎหมาย ทั้งในระดับพื้นที่และระดับนโยบาย มท.และ กฟภ.ดำเนินการตามกระบวนการปกติ ภายหลัง ครม.มีมติห้ามจำหน่ายถ้าพบกระทำผิดสัญญาและส่งผลกระทบต่อความมั่นคง
กฟภ.นัด 25 หน่วยงานถกปิดสวิตช์ไฟ
นายอรรษิษฐ์กล่าวว่า เรื่องนี้ละเอียดอ่อน มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน มท. จึงต้องประสานกับหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณารอบด้านก่อนงดจำหน่ายกระแสไฟฟ้าต่อไป ทั้งนี้ มท.ผู้กำกับดูแล กฟภ.ในฐานะผู้จำหน่ายกระแสไฟฟ้า พร้อมปฏิบัติตามข้อมูลและคำแนะนำของฝ่ายความมั่นคง จึงเป็นที่มาจัดทำหนังสือสอบถามฉบับดังกล่าววันที่ 6 ก.พ. กฟภ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 25 หน่วยงาน ร่วมประชุมหารือ เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณาอีกทางหนึ่งด้วย
ฉะรัฐ 2 มาตรฐานตัดไฟหนุนแก๊งคอล
นายภัชริ นิจสิริภัช กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวถึงการตัดไฟฟ้าสนับสนุนแก็งคอลเซ็นเตอร์ว่า ขอตั้งคำถามนายกฯและผู้มีอำนาจถึงมาตรฐานการบริหารประเทศ การตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำผิดกฎหมายชัดเจนเหตุใดจึงล่าช้า โยนกลองกันไปมา รัฐมนตรีท่านหนึ่งบอกต้องรอสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เคาะ รัฐมนตรีอีกคนไม่ยอมรับเผือกร้อน ไม่ใช่หน้าที่ ไม่มีอำนาจสั่งการ รมว.กลาโหม บอกต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน สุดท้ายยังไม่มีการตัดไฟพื้นที่ฐานปฏิบัติการของอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งที่ควรเร่งทำเพื่อปกป้องประชาชน กลับกันประชาชนค้างค่าไฟฟ้าเดือนเดียวไม่กี่ร้อยบาทหรือแค่ 153 บาท กลับถูกตัดไฟฟ้าอย่างรวดเร็วไม่แจ้งเตือนล่วงหน้า ซ้ำเติมทุกข์เพิ่มความเดือดร้อนต้องเสียค่าปรับเพิ่มขอต่อใช้ไฟ หรือกระบวนการพิจารณาตัดไฟกลุ่มอิทธิพลทุนสีเทาทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ค้ามนุษย์ในฝั่งเมียนมา อาจมีเจ้าหน้าที่รัฐบางรายเกี่ยวข้อง การตัดสินใจกลับล่าช้า ซับซ้อน โยนกันไปมาหลายหน่วยงาน
เฉ่ง รบ.เกรงใจทุนสีเทาหรือใครเอี่ยว
“พรรค ทสท.ขอถามนายกฯและผู้มีอำนาจในรัฐบาลนี้ เหตุใดการตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ทำผิดกฎหมายทั้งไทยและสากลถึงล่าช้า หรือมีเจ้าหน้าที่รัฐไทยมีส่วนรู้เห็น หรือได้รับผลประโยชน์หรือไม่ จึงตัดสินใจลำบาก ไม่ตัดไฟฟ้าหัวใจหลักที่ทำให้การก่ออาชญากรรมข้ามชาติ หลอกลวงคนประกอบอาชีพสุจริต ต้องตกเป็นเหยื่อ กระทบต่อเศรษฐกิจ สร้างปัญหาสังคมไม่จบสิ้น ช่วยตอบคำถามให้ประชาชนหายข้องใจด้วย อย่าให้คนไทยและนานาชาติต้องตั้งคำถามว่ารัฐบาลไทยให้ความเกรงใจ ผู้มีอิทธิพลและแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่” นายภัชริกล่าว
ฝ่ายค้านนัดดินเนอร์ 7 ก.พ. ถกซักฟอก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความคืบหน้ากรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมนัดรับประทานอาหาร เพื่อหารือเตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงเดือน มี.ค.ว่า ล่าสุดพรรคร่วมฝ่ายค้านกำหนดการรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ในวันที่ 7 ก.พ. ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เขตดอนเมือง กทม. ตามที่พรรคไทยสร้างไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดรับประทานอาหารร่วมกัน โดยจะมีการแถลงข่าวทิศทางการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันดังกล่าวด้วย
“แสวง” เผยเปิดหีบ อบจ.เรียบร้อย
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. แถลงถึงสถานการณ์การเปิดหน่วยเลือกตั้งสมาชิกและนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 2568 ทั่วประเทศ (ยกเว้น กทม.) ว่า ตั้งแต่เปิดหีบเวลา 08.00 น. รวม 90,715 หน่วย มี 47 จังหวัด ที่เลือกตั้งทั้งนายก อบจ.และเลือกสมาชิก อบจ. จะได้รับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แต่ละภูมิภาคจะได้รับ บัตรเลือกตั้งสีแตกต่างกัน ส่วนอีก 29 จังหวัด จะเลือกเฉพาะสมาชิก อบจ. จะได้รับบัตรเลือกตั้ง 1 ใบ มีกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ประมาณ 1 ล้านคน ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 47 ล้านคน ที่เดินทางมาออกเสียงได้จนถึงเวลา 17.00 น. นับตั้งแต่เปิดให้เลือกตั้งผ่านไป 2 ชั่วโมง กปน.รายงานว่าบรรยากาศเป็นไป ด้วยความเรียบร้อย ขอเชิญชวนทั้ง 47 ล้านคนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยความเป็นอิสระและเลือกคนที่เหมาะสม จะมาดูแลให้คุณภาพชีวิตท่านดีขึ้น
เน้นย้ำเข้มสารพัดข้อพึงระวัง
นายแสวงกล่าวอีกว่า ขอเน้นย้ำข้อพึงระวังจนถึงเวลา 18.00 น. ไม่สามารถหาเสียงได้ และการกระทำให้การเลือกตั้งไม่เรียบร้อยมีโทษทั้งปรับ อาญาและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เช่น ห้ามผู้ไม่มีสิทธิลงคะแนนแล้วไปลงคะแนน ห้ามใช้บัตรอื่นแทนบัตรเลือกตั้งที่ได้รับจาก กปน. ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกนอกสถานที่เลือกตั้ง กาแล้วต้องหย่อน ห้ามจงใจทำเครื่องหมายโดยวิธีใดในบัตรเลือกตั้ง นอกจากเครื่องหมายที่ลงคะแนน บัตรเลือกตั้งต้องมีเครื่องหมายกากบาท แต่ห้ามทำเครื่องหมายใดไว้ในบัตร ห้ามถ่ายภาพบัตรลงคะแนน และอย่าใช้อุปกรณ์ใดถ่ายภาพบัตรเลือกตั้ง เพื่อให้เห็นเครื่องหมายลงคะแนน จะถือว่ามีความผิด ห้ามเผยแพร่ผลสำรวจจนกว่าจะปิดหีบคือหลัง 17.00 น. และห้ามฉีกหรือทำลายบัตร และ ขอความร่วมมือภาคเอกชน ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม บริษัท ห้างร้าน อยากให้อำนวยความสะดวกให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปลงคะแนน ถ้าผู้ใดหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ความสะดวกโดยไม่มีเหตุอันสมควรแก่ลูกจ้างจะมีโทษ ประชาชนที่อยากทราบข้อมูลการเลือกตั้งมีแอป พลิเคชันและมีสายด่วน 1444 บริการถึงเวลาเที่ยงคืน
ย่องส่องพื้นที่ปากน้ำแข่งเดือด
เมื่อถามถึงสถานการณ์ช่วงคืนก่อนเลือกตั้ง นายแสวงกล่าวว่า สำนักงาน กกต.มีมาตรการป้องกันป้องปราม แสดงให้เห็นว่าเรามีการข่าวในแต่ละพื้นที่ และตั้งจุดสกัดจุดตรวจกดดันป้องปราม จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้มีการรับแจ้งเรื่องการกระทำเกินกฎหมาย การลงพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ไม่ได้มีสัญญาณอะไรพิศษ เพียงแต่เป็นพื้นที่แข่งขันเข้มข้น ทำให้น่าสนใจจึงลงไปดู เมื่อถามย้ำว่า เพราะเป็นพื้นที่ที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประกาศว่ามีโอกาสชนะด้วยหรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ประชาชนรักใคร ชอบใครเลือกคนนั้น วันนี้การเลือกตั้งท้องถิ่นไปผูกโยงกับการเมืองระดับชาติ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาร่วมหาเสียงด้วยมีส่วนให้เป็นกระแส
คนสับสนแห่โทร.1444 สายไหม้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดช่วงเช้าได้มีประชาชนโทรศัพท์เข้ามาสอบถามข้อมูลผ่านสายด่วน กกต. 1444 อย่างต่อเนื่องและเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่สอบถามสถานที่ตั้งหน่วยลงคะแนนเลือกตั้ง เนื่องจากไม่ทราบว่าต้องไปลงคะแนนที่หน่วยใด นอกจากนี้ ประชาชนยังสับสนว่าต้องออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอีกหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง นายก อบจ.มาแล้ว จึงไม่แน่ใจว่าครั้งนี้ต้องออกไปใช้สิทธิอีกครั้งหรือไม่ รวมทั้งสอบถามว่าตนเองมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ เพราะเพิ่งย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่ ขณะเดียวกันบางส่วนเกิดปัญหา เมื่อเดินทางไปหน้าหน่วยเลือกตั้งแล้วพบว่าไม่มีชื่อที่หน่วยดังกล่าว เป็นต้น กรณีประชาชนที่เพิ่งย้ายทะเบียนบ้าน เจ้าหน้าที่แจ้งว่าต้องมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
“อิทธิพร” คาดเชียงใหม่ใช้สิทธิ 75%
ขณะที่เวลา 08.00 น. นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเลือกตั้ง อบจ. เชียงใหม่ ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 43 วัดชัยมงคล ต.ช้างคลาน อ.เมืองเชียงใหม่ โดยนายอิทธิพรให้สัมภาษณ์ว่าเจ้าพนักงานทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่และกฎหมาย เพื่อทุกอย่างจะเรียบร้อย ช่วงคืนหมาหอนยังไม่มีรายงานเข้ามา แต่ต้องติดตามอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด คาดว่าจะตื่นตัวมากกว่าครั้งที่แล้ว จ.เชียงใหม่ เป็นจังหวัดใหญ่และเป็นจังหวัดที่ 5 มีผู้มาใช้สิทธิมากที่สุด คาดว่าเชียงใหม่จะมีประชาชนมาใช้สิทธิถึง 75% ส่วน จ.ลำพูน 80% ได้รับแจ้งว่ามีหลายโรงงานให้เป็นวันหยุด เพื่อให้ลูกจ้างออกไปใช้สิทธิถือเป็นพัฒนาการที่มีการร่วมมือกันอย่างจริงจัง
“จุรินทร์” เชื่อ อบจ.ชี้ทิศทางการเมืองได้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.พังงา ที่หน่วยเลือกตั้งเทศบาลตำบลท้ายเหมือง หมู่ที่ 4 ตำบลท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยนายจุรินทร์ให้สัมภาษณ์ว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่อยู่ในเขตเลือกตั้งนายก อบจ.และสมาชิกสภา อบจ.ทุกจังหวัดที่มีการเลือกตั้งขอให้มาใช้สิทธิเลือกตั้งกันให้มากๆ เพื่อจะได้กำหนดทิศทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมในเขตพื้นที่การปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยมือของตนเอง และขอให้ กกต.เข้มงวด เอาจริงในเรื่องการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งและกำกับให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม
คุมงบฯทั้ง จว.เป็นฐานหนุนหลัง สส.
เมื่อถามว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ทั่วประเทศเที่ยวนี้จะมีผลต่อการเมืองใหญ่หรือไม่ อย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า เชื่อว่าจะมีผลต่อการเมืองใหญ่ แม้จะไม่ทั้งหมดแต่มีผลบางส่วน และเชื่อว่า อบจ.จะถูกใช้เป็นฐานการเมืองใหญ่มากขึ้นในอนาคต เพราะ 1.บางจังหวัดมีการส่งในนามพรรคและแม้บางจังหวัดไม่ได้ส่งในนามพรรค แต่ได้รับการสนับสนุนโดยพรรคการเมืองต่างๆไม่มากก็น้อย 2.นายก อบจ.มีความสำคัญเพราะหนึ่งจังหวัดจะมีแค่คนเดียว แต่สส.มีได้หลายคน หลายเขต โดยเฉพาะนายก อบจ. มีอำนาจถือเงินงบประมาณของ อบจ.ทั้งจังหวัด แต่สส.ตามรัฐธรรมนูญไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณใดๆได้ ทำได้แต่งานด้านนิติบัญญัติและเป็นปากเสียงแทนประชาชนเป็นหลัก นายก อบจ.จึงสำคัญ และอาจถูกใช้เป็นฐานการเมืองใหญ่ในอนาคตมากขึ้น
“สุวัจน์” จี้หาเสียงไว้ต้องรับผิดชอบ
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกฯ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ให้สัมภาษณ์หลังมาใช้สิทธิ ลงคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครราชสีมา ที่หน่วยเลือกตั้งที่ 25 ว่า เจ้าหน้าที่บอกว่าประชาชนมาใช้สิทธิกันเยอะถือเป็นเรื่องที่ดี จะเสริมระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคง จ.นครราชสีมาเป็นจังหวัดใหญ่ มีพื้นฐานการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ถ้าทําเศรษฐกิจโคราชให้ดีจะมีผลต่อเศรษฐกิจโดยภาพรวม จีดีพีของโคราชมีส่วนสำคัญกับจีดีพีของประเทศไทย และศักยภาพจังหวัด ทรัพยากรต่างๆที่มีในด้านเศรษฐกิจ และโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลได้ดําเนินการอยู่ในปัจจุบัน นํามาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจโดยส่วนรวมได้ บทบาทหน้าที่สำคัญของนายก อบจ. โคราช คือจะประสานและต่อยอดกับโครงการใหญ่ๆ นโยบายใหญ่ๆของภาครัฐ ใช้พื้นฐานที่มีอยู่แล้วในจังหวัดให้เกิดประโยชน์ ทํางานประสานกัน ส่วนนโยบายที่หาเสียงไว้ พรรคการเมืองไหนแถลงอะไรไว้ ควรจะทําตามนั้นเพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่าการเมืองเชื่อถือได้ การเมืองมีเครดิต การเมืองจะมีพื้นฐานที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน อยากให้พยายามรักษาบรรยากาศความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างภาคการเมืองกับภาคประชาชน หาเสียงไว้อย่างไร ต้องพยายามทําให้สำเร็จในสิ่งที่เราได้พูดเอาไว้
ขอรัฐเร่งลงทุน นทท.มา 40 ล้านดีขึ้นแน่
นายสุวัจน์กล่าวอีกว่าเป็นห่วงเศรษฐกิจมาก อยากให้ใช้เสถียรภาพรัฐบาลมุ่งมั่นทํางานเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจลุล่วง โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ตัวเลขขยับแล้ว ตอนนี้รัฐบาลเร่งรัดซอฟต์พาวเวอร์ การลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เชื่อว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเข้าเป้า และนำพื้นฐานการท่องเที่ยวมาช่วยเศรษฐกิจรากหญ้าได้มาก ภาพรวมปีนี้น่าจะกระเตื้องกว่าปีที่แล้ว ปีที่ผ่านมาเรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 35 ล้านคน ก่อนโควิดมีนักท่องเที่ยวมา 40 ล้านคน ยังขาดอยู่อีก 4 ล้านคน ประมาณ 10% ปีนี้ต้องทําให้เกิน 40 ล้านคนให้ได้ ถ้าตัวเลข 40 ล้านคน จะเป็นดัชนีชี้วัดว่าเศรษฐกิจจะคัมแบ็กหรือไม่ แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายสำคัญด้านเศรษฐกิจด้านอื่นด้วย ถ้าบรรยากาศภายในประเทศเป็นใจไม่มีปัญหาอะไร และช่วยกันจัดกิจกรรมอะไรให้มันดูยิ่งใหญ่ เป็นสากล เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาเยอะๆ ดูแลความปลอดภัยต่างๆให้นักท่องเที่ยวจะกระตุ้นเศรษฐกิจดีขึ้น
ปชน.จ่อร้องทุจริต ลต.16 เรื่อง
ช่วงเย็นเวลา 17.00 น. พรรคประชาชน (ปชน.) ตั้งวอร์รูมติดตามผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง อบจ.มีแกนนำ อาทิ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค เข้ามาที่พรรค ส่วนนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมาสมทบภายหลัง โดยนายณัฐพงษ์ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเลือกตั้ง อบจ.ว่า ครั้งนี้ประชาชนตื่นตัวมากกว่าครั้งก่อนๆ แม้การเลือกตั้งวันเสาร์จะเป็นอุปสรรค ทำให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิยากกว่าปกติ แต่คึกคักมากขึ้น พรรคได้รับรายงานเหตุผิดปกติของการเลือกตั้งตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ม.ค. เข้ามาราว 70 กรณี จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบ 16 กรณีที่มีมูล ขณะนี้ได้ส่งต่อไปยังทีมงานเพื่อส่งเรื่องไปยัง กกต. เชื่อว่ามีจังหวัดที่ชนะการเลือกตั้งได้ ทุกสนามที่เราส่งมีโอกาสชนะได้
“สมศักดิ์” ปลื้มดันกระท่อมผลิตสมุนไพร
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ปรับปรุงการอนุญาตให้ใช้ส่วนประกอบของพืชกระท่อม หรือสารสกัดจากกระท่อมที่มีปริมาณสารไมทราไจนีน ไม่เกินวันละ 3 มิลลิกรัมจากเดิมอนุมัติเพียง 1 มิลลิกรัมต่อวัน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ตั้งแต่สมัยเป็น รมว.ยุติธรรม ปลดล็อกพืชกระท่อมไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ ประชาชนปลูกเพื่อบริโภคและจำหน่ายได้ และมาสานต่อขอให้ อย.อนุญาตใช้สารสกัดใบกระท่อมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพรูปแบบต่างๆ ทำให้ผู้ประกอบการสร้างผลิตภัณฑ์ได้หลากหลายเพิ่มขึ้น ผู้ประกอบการยังเพิ่มปริมาณไมทราไจนีนได้อีก แต่ต้องผ่านความเห็นชอบของ อย.พิจารณาความเหมาะสม ให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัย และกรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ยังนำไปต่อยอด จับมือภาคเอกชนเชี่ยวชาญด้านพืชกระท่อมยกระดับมาตรฐานการตรวจวิเคราะห์ไมทราไจนีนในใบกระท่อม ให้มีมาตรฐานสากล เพื่อเพิ่มขีดการแข่งขันส่งออกไปตลาดโลก ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคแล้วสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้ประเทศ สร้างรายได้ให้เกษตรกร ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจในพื้นที่ที่ปลูกกระท่อมได้อีกด้วย
แจงเพิ่มคุณค่าเชิงพาณิชย์โดยถูก ก.ม.
ด้าน นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการ อย.กล่าวว่า การอนุญาตให้ปรับเพิ่มปริมาณการให้ใช้สารสกัดกระท่อมด้วยน้ำ หรือน้ำต้มใบกระท่อมในผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ จากเดิมขนาดรับประทานไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 3 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นผลการศึกษาวิจัยสังเคราะห์ความรู้เพื่อการใช้พืชกระท่อมอย่างปลอดภัยของมหาวิทยาลัยมหิดล และการศึกษาถึงความเป็นพิษเรื้อรังในสัตว์ทดลองที่ทดสอบโดยมหาวิทยาลัยนเรศวร ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดใบกระท่อมแสดงสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ โดยต้องแสดงคำเตือน ข้อควรระวังบนฉลากผลิตภัณฑ์ตามที่กำหนด เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย เป็นความก้าวหน้าในการนำพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์อย่างถูกกฎหมายและปลอดภัย จะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจของประเทศ และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตผลิตภัณฑ์สุขภาพจากธรรมชาติที่มีคุณภาพ
“มาริษ” ถึงอิสราเอลเยี่ยม 5 คนไทย
อีกเรื่องเมื่อเวลา 07.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น อิสราเอล (ช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ พร้อม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด เดินทางถึงท่าอากาศยาน กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล มีนาย Gil Haskel อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล และ น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ต้อนรับ โดยนายมาริษขอบคุณรัฐบาลอิสราเอล ที่ดูแลช่วยเหลือคนไทยที่ได้รับการปล่อยตัวประกันทั้ง 5 คน รวมถึงการประสานงานของมิตรประเทศ ต่อมาได้ไปเยี่ยมแรงงานไทยที่ทำงานในฟาร์มเกษตรและประชุมร่วมกับ H.E. Mr.Gideon Sa’ar รมว.ต่างประเทศอิสราเอล เพื่อขอบคุณรัฐบาลอิสราเอล พร้อมหารือถึงการนำคนไทยทั้ง 5 คนกลับประเทศไทย จากนั้นช่วงบ่ายได้ไปเยี่ยม 5 คนไทยที่โรงพยาบาล Al-Shamir Medical Center ประชุมผ่านระบบซูมกับนายกฯที่ประเทศไทยเพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ 5 คนไทยด้วย
นายกฯวิดีโอคอลห่วงใยและยินดี
ต่อมาเวลา 18.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ได้วิดีโอคอลกับคนไทยทั้ง 5 คน โดยนายมาริษกล่าวว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นทุกคนกำลังใจดี ดีใจที่ได้รับการช่วยเหลือ ขณะที่ตัวแทนคนไทย กล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือทำให้ได้ออกมานั่งตรงนี้ เหมือนให้ชีวิตใหม่ ปลื้มใจมาก ทั้งนี้นายกฯกล่าวโดยสรุปว่าเป็นห่วงคนไทยตั้งแต่เกิดเหตุ ติดตามต่อเนื่อง ได้รูปทุกคนวันแรกเห็นว่าไม่เป็นอะไรก็ดีใจ ทุกฝ่ายพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือ จากนั้น เวลา 18.50 น. น.ส.แพทองธารทวีตข้อความผ่านเอ็กซ์สรุปว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ทุกท่านได้รับการปล่อยตัวและปลอดภัย รัฐบาลเร่งกำชับและประสานงานกับฝ่ายอิสราเอลทุกระดับและโอกาส เพื่อช่วยเหลือทุกท่าน รวมถึงคนไทยที่ยังคงถูกควบคุมตัว ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง จนได้รับข่าวดีว่าจะมีการปล่อยตัว ขอให้กระทรวงการต่างประเทศดูแลสุขภาพและจิตใจของทุกท่านเป็นอย่างดี
สั่ง กต.ติดตามเงินชดเชยเยียวยา
นายกฯระบุอีกว่า ขอให้สถานเอกอัครราชทูต ติดตามเรื่องเงินพึงได้และสิทธิประโยชน์ต่างๆที่จะได้รับ ทั้งจากฝ่ายอิสราเอลและของไทย ทั้งเงินชดเชยจากสถาบันประกันภัยแห่งชาติอิสราเอล 1,000 เชคเกล/เดือน (ประมาณ 10,000 บาท/เดือน) จนถึงอายุ 67 ปี เงิน 12,000 เชคเกล/ปี (ประมาณ 120,000 บาท/ปี) (จ่ายหนึ่งครั้งต่อปีระหว่างอายุ 67-80 ปี) เงิน 15,000 เชคเกล/ปี (ประมาณ 150,000 บาท/ปี) (จ่ายหนึ่งครั้งต่อปี เมื่ออายุ 80 ปีขึ้นไป) รายได้จากการทำงานที่คงค้างจากนายจ้างอิสราเอล เงินสงเคราะห์กรณีเดินทางกลับประเทศจากภัยสงคราม จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ จำนวน 15,000 บาท และเงินบำเหน็จชราภาพจากสิทธิประโยชน์ประกันสังคม รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ ในการเร่งติดตามความช่วยเหลือตัวประกันคนไทยที่เหลืออีก 1 คน ให้ได้รับการปล่อยตัว รวมทั้งนำร่างของแรงงานไทยที่เสียชีวิตอีก 2 ราย กลับประเทศไทยโดยเร็ว
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่