ลมหนาวอ่อนกำลังฝุ่นควันพิษเด้งสวนทางขึ้นทันที

ตามรายงานกรมอุตุนิยมวิทยา ประเทศไทยจะอุณหภูมิอุ่นขึ้นในจังหวะเปลี่ยนเข้าฤดูร้อน แปรผันตามค่า PM 2.5 ที่จะดีดกลับมาอยู่ในโซนสีส้ม ไปจนสีแดง เกินขีดอันตราย ส่งผลต่อสุขภาพประชาชน

“สามวันดีสี่วันไข้” ยังไม่พ้นโซนม่านหมอกมรณะ

สภาพที่กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคเหนือ ยังตกอยู่ใต้บรรยากาศ “ฝาชีครอบ” ฝุ่นพิษตลบอบอวลในภาวะอากาศนิ่ง ระบายไม่ได้ เป็นโรคเรื้อรัง วิกฤติประจำถิ่น ฤดูฝุ่นที่เพิ่มขึ้นมาทั้งฤดูร้อน หนาวฝน

ผู้คนต้องฝากชะตาไว้กับธรรมชาติ พึ่งพาได้แค่รอลมฟ้าอากาศ

ลำพังหวังพึ่งภาครัฐ ก็แบบที่เห็น “สำลักฝุ่น” ภูมิแพ้กำเริบตามๆกัน

อาการยืนงงในดง PM 2.5 แม้แต่บุรุษแกร่งสุดในปฐพีอย่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.

ยังโดนเสียงด่ากระหน่ำ ย้อนคอหอยถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไป

นั่งเฝ้าเก้าอี้เสาชิงช้ามาพักใหญ่ แต่ไร้แผนแก้ปัญหาฝุ่นพิษในระยะยาว ทำได้แค่แก้ไขปัญหาหน้างานกันจ้าละหวั่น สกัดรถบรรทุกควันดำ ห้ามเข้าโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน สั่งปิดโรงเรียนสังกัด กทม. ขอความร่วมมือเวิร์กฟรอมโฮม

อารมณ์กดดันไม่แพ้กัน สถานการณ์ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทนโดนฝ่ายค้านเหน็บแนมลอยตัวอยู่เหนือฝุ่นไม่ไหว เทกแอ็กชันแข็งขัน สั่งไล่เบี้ยทีมคลุกฝุ่นรายกระทรวง

ขึงขัง ทวงการบ้านรัฐมนตรีที่สั่งงานไป

ฟอร์มสิงห์ปืนไว นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เล่นบทเสี่ยสั่งลุย รีบอัดโปรโมชัน รถไฟฟ้าฟรี รถเมล์ไม่เก็บค่าโดยสาร ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ลดควันจากท่อไอเสีย พร้อมๆกันกับโปรฯราคาถูกแบบบ้านๆ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข สั่งแจกมุ้งกันฝุ่นให้ประชาชนเพิ่มจากมุ้งกันยุง

...

แต่ที่เกรียนดุดันสไตล์ขาบู๊ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย คำรามฮึ่มฮั่ม “คาดโทษ” ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ปล่อยให้มีควัน  PM  2.5  จากการเผา มีหวังลามถึงเก้าอี้ร้อนแน่

ไม่ใช่แค่โชว์อีเวนต์ ณ จุดที่วิกฤติฝุ่นควันพิษมาถึงจุดคอขาดบาดตาย

ไฟต์บังคับ กดดันมัดคอ แบบที่รู้ล่วงหน้า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในตำนาน ผู้เชี่ยวกรากกระแส คาดการณ์ไม่ผิด อาการประชาชนสำลักฝุ่นพานหงุดหงิดฝ่ายบริหาร อันตรายต่อสุขภาพของรัฐบาล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคเพื่อไทยที่ถือเดิมพันมากกว่าใคร เพราะต้องแบกความหวังชื่อชั้นยี่ห้อ “ทักษิณ” เคลมตีกินเชิงบริหารระดับเซียนเหนือชั้น

ที่สำคัญคือคุยโวไว้เต็มๆบนเวทีหาเสียง คิดได้ ทำเป็น

สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ยังฟุ้งกระจายไม่หยุด

ผู้นำคนสุดท้องตระกูลชิน ต้องเผชิญอาการ “ภูมิแพ้” เสียงวิจารณ์ต่อเนื่อง ในจังหวะที่ฝุ่นควันการเมืองจาก เกมตะลุมบอน ศึกเลือกตั้งนายกอบจ. 47 จังหวัดทั่วประเทศ ค่อยซาลงไป

หย่อนบัตรลงคะแนน  เปิดหีบนับแต้ม รู้ผลแล้วอย่างไม่เป็นทางการ

แดง น้ำเงิน ส้ม ใครเข้าวิน ใครจั่วลม

ผู้ชนะชูมือ คนแพ้หิ้วปีกกลับเข้ามุม ถอดบทเรียนกันตามสภาพ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควันหลงยังคงลอยกรุ่น เลือกตั้งจบ แต่คนไม่จบ ตามเดิมพันสนามรบชิงพื้นที่ อบจ.ที่ดุเดือดสุดเป็นประวัติการณ์ รูปเกมเลือกตั้งท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับสนามการเมืองระดับชาติ

เบอร์ใหญ่ บิ๊กเนม ลงมาคลุกฝุ่นตะลุมบอนกันนัว

โฟกัสอยู่ที่บรรดา “ผู้ช่วยหาเสียง” ที่เดินสายไปทั่วประเทศ ประเภท “ข้ามาคนเดียว” ก็คือ “นายใหญ่” จันทร์ส่องหล้า นายทักษิณที่ปล่อยของไม่พัก เดินสายอีสาน ขึ้นเหนือแบบไม่เหนื่อย ไม่ป่วย ประกาศเป็น ส.ท.ร. พรรคเพื่อไทย รับเบี้ยคนชราเป็นค่าจ้างเดือนละ 300 แต่เล่น 3 ล้าน

ปั่นยุทธการ “แดงกินส้ม” ทวงคืนทวงแชมป์ที่เพื่อไทยพ่ายแพ้ยับเยิน

อาศัยเกมเลือกตั้ง อบจ.นำร่องเลือกตั้งใหญ่ ตั้งเป้ากวาด สส.เลือกตั้งรอบหน้าเกิน 200 ที่นั่ง จองแกนนำรัฐบาลโหนขบวนอำนาจอนุรักษ์นิยม

เกทับบลัฟแหลกคู่ต่อสู้หลักฝ่ายเสรีนิยม

ฟอร์มเก๋า “เถ้าแก่ใหญ่” ข่มเด็กกองทัพส้มที่แบ่งงานเล่นกันเป็นทีม “หนุ่มทิม”  พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ช่อ” พรรณิการ์ วาณิช “ต๋อม” ชัยธวัช ตุลาธน ที่วัยยังไม่ถึง 60 ยังไม่ได้รับเบี้ยคนชราเดือนละ 300 บาท

ขบวนการโป๊งๆชึ่ง อาศัยมาด้วยใจ ขึ้นรถแห่ ดาวกระจายลุยเดินตลาด เคาะประตูบ้าน ช่วย  “กุมารเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค กับ “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าค่ายประชาชน

เด็กรุ่นใหม่ทำได้แค่อาศัยแรงอุดมการณ์  ฝ่าดงกระสุน ลุ้นแต้มฟรี

แพ้ก็เท่าทุน ตุนประสบการณ์ แข่งกันแบบสนุกสนาน

เหมือนจะเป็นงานง่าย แต่มันคือโจทย์ยาก

สำหรับ “ทักษิณ” ที่แต้มบุญเก่าร่อยหรอลงตามกาลเวลายุคสมัย ศึกเลือกตั้งใหญ่ สส. ที่แนวรบตำบลกระสุนตกไม่ได้ล็อกเป้าง่ายๆเหมือนสนามรบการเมืองท้องถิ่น

กรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่ ผู้คนไม่ค่อยอินกับมุก “แดงกินส้ม”

อารมณ์แชมป์เก่าเจ้าถิ่นหวนทวงคืนความยิ่งใหญ่ ตามเกมศึกแดงชนส้มนั่นเรื่องปกติของขั้วตรงข้ามต่างอุดมการณ์ แต่ที่ผิดปกติก็คือแดง

หักดิบน้ำเงิน กลศึกภายในขั้วรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร จุดยืนเดียวกัน

มันหนีไม่พ้นสะเทือนน้ำมิตรในหมู่ “เพื่อนกิน” วงบะหมี่

สถานการณ์แรงตกกระทบจากปฏิบัติการที่ “นายใหญ่” จันทร์ส่องหล้า นำทัพหลวงบุกถล่มพื้นที่อิทธิพลของบ้านใหญ่ ค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย ชัดๆในภาคอีสาน ที่จังหวัดศรีสะเกษ นครพนม มหาสารคาม

ข้ามหัว 2 น.ไม่เห็นแก่หน้า “หนู อนุทิน–เนวิน ชิดชอบ”

รัวเกราะเคาะไม้ “ไล่หนู ตีงูเห่า” ไม่สนปฏิญญามาม่า ไม่ไว้ไมตรีวงบะหมี่ ไม่มีเรื่องมารยาท

พรรคร่วมรัฐบาลที่มักจะเว้นพื้นที่ซึ่งกันและกัน

นั่นยังไม่เท่ากับการด่าประจานบนเวที ตีกราดกันโต้งๆ

ลีลาเขี้ยวของ “ทักษิณ” จงใจ ชี้เป้าไปที่กระทรวงมหาดไทย ของ “อนุทิน” ตัวการยึกยัก ไม่เร่งจัดการตัดน้ำตัดไฟ  ปล่อยขบวนการลักลอบขายไฟฟ้าให้พวกจีนเทา ตัวการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายแดนเมียนมา

โบ้ยเสียงด่า เบี่ยงกระแสถล่มไปที่ยี่ห้อเซราะกราวเต็มๆ

ฟอร์มเก๋าของขาใหญ่ “ทักษิณ” อ้างแก่แล้ว

ด่าได้หมด เดี๋ยวจบศึกค่อยคุยกันได้ ฉวยเกมไล่บี้ “หนู–เนวิน” 2 น. เซราะกราวแบบไม่พัก

ตบหัวรอลูบหลัง ฉวยเหลี่ยม “หักดิบ” กันแรงๆ

และก็น่าจะเดาทางกันได้ สไตล์เกรียนเซราะกราวจะยอมมั้ย ในจังหวะชักน้ำเสียงแข็ง “เสี่ยหนู” สวนกลับหน้าตึงๆ “ก็สั่งมาสิ” ยืนกราน รอฟังคำสั่งที่ถูกต้อง และมีกฎหมายรองรับเท่านั้น

อาการไม่เด้งรับ ไม่สน “ทักษิณ” ที่พูดบนเวทีกันลอยๆ

แถมยังเหน็บเป็นนัย ไม่ใช่บริษัทจำกัดส่วนตัวที่จะสั่งได้ปุ๊บปั๊บ อ้างเงื่อนไขสัญญา เรื่องระหว่างรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ

ลูกน้องเก่า น้องรัก เพื่อนร่วมก๊วนกอล์ฟซุปเปอร์ วีไอพี ชักไม่เออออ

ตอกย้ำรอยแตกคอกับปม “ธรณีสงฆ์อัลไพน์” กับ “อาณาจักรเขากระโดง”

สัญญาณไม่สู้ดีในหมู่พรรคร่วมรัฐบาล อาการร้าวลึกระหว่าง “นายใหญ่” กับ “2 น.” หนีไม่พ้นเขย่าแรงกระเพื่อมในการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะจังหวะที่ทีมเพื่อไทยต้องลุ้นเดิมพันสูง ลากธงเมกะโปรเจกต์เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ลุ้นผ่านกาสิโน บ่อนพนันถูกกฎหมาย

ต้องอาศัยแรงมือค่ายภูมิใจไทยในการหามแห่ฝ่าด่านสกัด

“แดง” ตบ “น้ำเงิน” ฟัดกันน้ำกระจาย เพื่อนกินส่อวงแตกก่อน.

“ทีมการเมือง”

คลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม