ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ เทศกาลเลือกตั้งท้องถิ่นสิ้นสุดลง เพียงแต่รอว่าผลจะออกมาอย่างไรเท่านั้น

สีแดง–สีส้ม–สีน้ำเงิน พรรคไหนจะคว้าชัยมากกว่ากัน

เพื่อหวังผลการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้

โดยสรุปแล้วการเมืองในช่วงที่ผ่านมานี้ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้กำไรมากสุดเพราะในเวทีหาเสียงในฐานะผู้ช่วยหาเสียงนั้น สามารถ “ปล่อยของ” ได้มากสุด

กินกำไรเรียบวุธมากกว่าทุกค่าย

เช่นกันอีกด้านหนึ่งคงได้เห็นวิธีคิดและแนวทางการเมืองของเขาชัดขึ้นว่าที่แน่ๆก็คือต้องการเป็น “ผู้กำกับ” การเมืองอย่างไม่มีสิ้นสุด

โดยให้ลูกสาว “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เล่นบทนางเอกบริหารกิจการการเมืองโดย “พ่อ” เป็น ผกก.การแสดงเอง

ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะ “ทักษิณ” เปิดเผยว่า หลังจากที่เขาต้องจากเวทีนี้ไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ก็ขอกลับมาทำหน้าที่ต่อไปอีก 17 ปี

เวลานี้อายุ 75 ปี อีก 17 ปีก็อายุ 92 ปี!

เอากันถึงขนาดนั้นเลย จะไม่แบ่งพื้นที่ให้คนอื่นได้เล่นบ้าง จะผูกขาดอำนาจเฉพาะตระกูล “ชินวัตร” เท่านั้นหรือ

ไม่ยอมให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หรือ “เสี่ยหนู” ได้ลิ้มรสบ้างเชียวหรือ

ก็คงจะว่าไปตามเพลงแบบกลอนพาไปทำนองนั้น

สำคัญคือ “สังขาร” จะอยู่ถึงวันนั้นได้หรือ?

ผลแพ้–ชนะจากการเลือกตั้งนายก อบจ.ก็เรื่องหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องของประชาชนที่จะลงคะแนนให้ใครคงไปห้ามไม่ได้

แต่มธุรสวาจาที่เปล่งออกมาในหลายพื้นที่คงสร้างความเคืองขุ่นในใจของ

ผู้ถูกพาดพิงไม่น้อยและได้รู้แก่ใจว่า

ใครคิดอย่างไรในเกมการเมืองนี้!

...

ที่บอกว่าการหาเสียงนั้นก็เปรียบเหมือนเกมกีฬา จบแล้วก็คือจบ จากนั้นสามารถทำงานร่วมกันต่อไปได้

นั่นเป็นคำพูดและความรู้สึกของผู้กระทำ

แต่ผู้ถูกกระทำคงไม่คิดอย่างนั้นแน่เพียงรอโอกาสจะมาถึงเมื่อไรเท่านั้น

สิ่งที่เห็นและปรากฏในความเป็นจริงของการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงนี้ที่ต้องเจอปัญหาใหญ่ๆหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์

คือการทำงานที่ประสานงานกันอย่างชัดเจนขึ้น

อย่างกรณีการตัดไฟส่งข้ามไปเมียนมาจนทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ประโยชน์เพื่อหลอกลวงคนไทยฟาดไปนับล้านล้านนั้น

ฝ่ายค้านได้เสนอให้ตัดไฟ แต่รัฐบาลเกิดปัญหาไม่กล้าตัดสินใจ

โยนกันไปโยนกันมา...

จนทำให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบด้านความมั่นคงเริ่มตึงกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย “เสี่ยหนู” “อนุทิน” บอกว่าที่ไม่ตัดไฟเพราะไม่มีคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง

“เสี่ยอ้วน” บอกว่าแล้วมหาดไทยไม่ใช่ฝ่ายความมั่นคงหรือ?

พูดง่ายๆว่าเริ่มเห็นรอยร้าวระหว่างหน่วยงานของรัฐ

ระหว่างรัฐมนตรีที่รับผิดชอบงานแต่ละกระทรวง

ที่บอกว่ารักกันดีชักไม่ดีเสียแล้วเพราะอาการมันบอก

จากนี้ให้จับตาดูระหว่าง “เพื่อไทย”– “ภูมิใจไทย” ที่ขบเหลี่ยมกันมาหลายปีก็จะหมดความอดทนมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกัญชาเสรี กาสิโนซึ่งเป็นนโยบายหลักของแต่ละพรรค

ที่กำลังเดินไปสู่จุดที่เข้าไคลแมกซ์เพราะต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน

ไม่มีทางที่จะเล่นบท “ตบจูบ” กันได้อีกต่อไปแล้ว!

“ลิขิต จงสกุล”

คลิกอ่านคอลัมน์ “สับรางวันอาทิตย์” เพิ่มเติม