“ทิม พิธา” เชือดรัฐบาล อัดนโยบายแก้ฝุ่น “ช้าไป-น้อยไป-สายไป” งง “เพื่อไทย” ตอนเป็น “ฝ่ายค้าน” อภิปรายฝุ่นดุเด็ดเผ็ดมัน แต่พอทำเองกลับแย่ขึ้น โต้ “ทักษิณ” ที่บอก “เท้ง” มีแค่ภารกิจเดียว ย้ำทรัพยากร “ฝ่ายค้าน-รัฐบาล” ไม่เท่ากัน รับกังวลคนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ.น้อย ทำ ปชช.ไปไม่ถึงฝัน

วันที่ 24 มกราคม 2568 ที่จ.ตราด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ช่วยนายชลธี นุ่มหนู ผู้สมัครนายกอบจ.ตราด โดยให้สัมภาษณ์มองมาตรการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของรัฐบาลว่า ช้าไป น้อยไป สายไป ซึ่งตนคิดว่า คนที่เป็นผู้นำประเทศตอนนี้ ถ้าแก้ปัญหาประเทศง่ายๆ เลย คือ ฝุ่น ไฟ ฝน พอฝุ่นหมด ไฟก็มา พอไฟหมด ก็น้ำท่วมอีก โดยการแก้ปัญหาฝุ่น ต้องมีแผนงานมาตั้งแต่ฤดูฝนแล้ว หากดูข้อมูลย้อนหลัง ระหว่างวันที่ 1 - 22 มกราคม ไม่มีปีไหนเลยที่ค่าฝุ่นได้ค่ามาตรฐานเลย เกินมาตรฐานทุกปี และปีที่สูงที่สุดคือ 2564 รองลงมาคือ 2568 ถัดมาคือ 2567 จะเห็นได้ว่า ปัญหา PM 2.5 ทั้งเกิดขึ้นทั้งที่กทม. และทั่วประเทศ ในช่วงที่มีการเผาอ้อย และข้าว ซึ่งเมื่อเกิดความกดอากาศแน่นอนว่า ฝุ่นก็ตามมา

จึงมองว่า ควรจะมีโอกาสที่จะได้เตรียมตัวตั้งแต่ระดับนานาชาติ ซึ่งต้องประสานงานกัน ไม่ใช่พอฝุ่นมาแล้วค่อยต่อสาย ควรจะต่อสายกันตั้งนานแล้ว และต่อสายในระดับประเทศ เพราะในแต่ละพื้นที่มีปัญหาที่ต่างกัน และเมื่อมาในระดับท้องถิ่นก็มีปัญหาแตกต่างกัน ซึ่งถ้าวางแผนตั้งแต่ระดับนานาชาติ ระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น ตั้งแต่หลายเดือนก่อนจนถึงขณะนี้ อย่างน้อยที่สุดคือ สัปดาห์นี้คือ การเข้าถึงหน้ากาก เครื่องฟอกอากาศ โดยเฉพาะในพื้นที่เปราะบาง เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า เรื่องการเมืองท้องถิ่นมีส่วนที่จะช่วยแก้ปัญหาได้เช่นกัน

...

เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาได้เพียงเฉพาะหน้าสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวหรือไม่ รวมทั้งกรณีที่ชาวเน็ตไปขุดโพสต์ นโยบายของพรรคเพื่อไทยว่า หากเป็นรัฐบาลจะแก้ไขปัญหา PM 2.5 ที่ต้นตอ นายพิธา บอกว่า ก็คิดอยู่ว่า ฝ่ายค้านที่พอจะสูสี กับฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน คือ พรรคเพื่อไทยในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการอภิปรายในสภาเรื่องฝุ่น PM 2.5 ซึ่งตนจำได้ว่า เคยอภิปรายเรื่องฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่เป็นสส.พรรคอนาคตใหม่ หมายความว่าผ่านมาแล้ว 4-5 ปี แล้วตอนพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน ก็อภิปรายเรื่องนี้อย่างดุเดือดเผ็ดมัน แต่ปีนี้เข้าปีที่ 2 ของการเป็นรัฐบาลแล้ว ในความเป็นจริงก็ควรจะเตรียมตัวมานานมากแล้วในการบริหารจัดการ แต่กลับแย่ขึ้นเรื่อยๆ และยังไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรมจนกระทั่งถึง เมื่อเช้านี้หลังจากที่พรรคประชาชน กระทุ้งถึงได้มีแผนรับมือออกมา

ส่วนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาซัดกลับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ว่าผู้นำฝ่ายค้านมีภารกิจเดียวแค่ที่สภา นายกรัฐมนตรีมีภารกิจเยอะกว่า นายพิธา ระบุว่า ทรัพยากรของรัฐบาล กับทรัพยากรของฝ่ายค้านก็ไม่เท่ากัน ซึ่งฝ่ายรัฐบาลสามารถบริหารจัดการ และกระจายงาน เตรียมทรัพยากรในการบริหารล่วงหน้าได้ตั้งเยอะ

นายพิธาย้ำว่า การที่จะเป็นสส.นั้น ควรจะต้องผ่านกฎหมายที่มีความก้าวหน้า เช่น พ.ร.บ.อากาศสะอาด และต้องพูดแทนประชาชน รวมทั้งต้องตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งก็มีการตรวจสอบเรื่องนี้มา 4-5 ปี ทุกครั้งในการทำหน้าที่ แต่ตอนนี้พรรคเพื่อไทยกลายมาเป็นรัฐบาล และพรรคประชาชนเป็นฝ่ายค้าน แต่พรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ทำตามที่ตัวเองเคยพูดไว้ในสภา ขณะที่เป็นฝ่ายค้าน หรือช่วงที่มีการหาเสียง เป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่ประชาชนต้องจมฝุ่นต่อไป ทั้งที่ควรจะทุเลาได้เยอะกว่านี้มาก

พ้อ เวลาเจอ เขาทักทาย-ถ่ายรูป แต่ไม่รู้ไปเลือกตั้งหรือไม่

นายพิธา ยังให้สัมภาษณ์ ถึงการต่อสู้สนามเลือกตั้ง อบจ. ว่า พรรคประชาชนนำโดยหัวหน้าพรรคและเลขาพรรคทำงานเต็มที่ในเรื่องของการแข่งขัน ตนไม่กังวลสักเท่าไหร่ แต่กังวลว่าสิ่งที่พวกตนกำลังแข่งอยู่ สุดท้ายกลายเป็นว่าคนไม่มาใช้สิทธิ์ใช้เสียง

“เวลาเจอกันเขาก็ยังทักทาย พูดคุย ถ่ายรูป มาฟังปราศรัยในบางพื้นที่ อย่างภาคใต้ก็เยอะเหมือนตอนเลือกตั้งปี 2566 แต่มั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง เพราะเขายังไม่เข้าใจว่าเลือก อบจ. มีประโยชน์อย่างไร แต่ผมก็พยายามอธิบายว่า อบจ.คือครู คลัง ช่าง หมอ” นายพิธา กล่าว

นายพิธา กล่าวต่อว่า ตอนนี้กำลังรณรงค์โดยใช้ปากกา ให้ประชาชนรู้ว่าปากกาในมือมีมูลค่าเท่าไหร่ แต่ละ อบจ. ไม่เหมือนกัน บางจังหวัดมูลค่ารวมหมื่นล้าน จึงอยากทำให้ประชาชนเห็นว่ามูลค่ามากขนาดนี้อยู่ที่ปากกาที่ใช้ในวันออกสิทธิ์ออกเสียง ดังนั้น เรื่องคู่แข่งก็ว่ากันเรื่องนโยบายก็ดี เรื่องขึ้นดีเบตก็ดี ก็ไม่ได้กังวลแต่การมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงจะไม่เป็นไปตามเป้า ตนก็ยังอยากจะเห็นว่าเลือกตั้งท้องถิ่นมีคนสนใจและมาใช้สิทธิ์เยอะ อย่างน้อยอยากได้ 70% ซึ่งระดับสากลควรจะเป็นแบบนั้น แต่ยอมรับว่าจะให้ 70% เป็นไปได้ยาก เพราะเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ เลือกตั้งข้ามเขต ไม่ได้เลือกตั้งข้ามประเทศไม่ได้ และยังจัดเลือกตั้งหรือวันเสาร์ 1 เดือนหลังปีใหม่

อัด นายก อบจ.ตราด อยู่มา 25 ปี แต่ตัวเลขมันบอก ไม่ได้ดีขึ้น

เมื่อถามว่าในจังหวัดตราดมั่นใจมากแค่ไหน เพราะคู่แข่งถือว่าเป็นคนในพื้นที่มานานเป็นอดีตนายก อบจ. ที่อยู่มาหลายสมัย นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจว่าคนตราดพร้อมที่จะเปลี่ยน คนตราดอยู่กับภาวะผู้นำของนายก อบจ. คนเดิมมา 25 ปีและตนก็ศึกษาแคมเปญของคู่แข่ง เขาบอกว่ามีประสบการณ์ แต่ตัวเลขที่ออกมามันไม่ได้บอกว่ามีอะไรดีขึ้น ถึงตั้งใจลงพื้นที่มาเพื่อบอกคนตราดว่าเรื่องการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจังหวัดตราดย้อนหลังเติบโต 1.6% แต่ประเทศไทยเติบโต 3.5% ดังนั้น จังหวัดตราดเติบโตต่ำกว่าประเทศไทย ทั้งที่มีทั้งผลไม้ มีทั้งประมง และท่องเที่ยว รวมถึงการค้าชายแดน

สิ่งที่น่ากลัวคือเด็กเกิดใหม่ที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานมากที่สุดอยู่ที่จังหวัดตราด แสดงว่าต้องมีคนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง คนเบื่อ จำเจ ซึ่งตนไปในหลายพื้นที่ คนก็อาจจะคิดว่าไปเลือกก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตพวกเขามาก เสียเวลาขอทำมาหากิน ไม่ไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงดีกว่า จึงต้องมากระตุ้นให้เห็นว่าในอดีตอาจจะเป็นแบบนั้น

นายพิธา กล่าวว่า เกมมันก็อยู่ที่ใจประชาชน ประชาชนคิดง่ายๆ ว่าเขาจะปิดร้านก๋วยเตี๋ยวครึ่งวัน เพื่อไปเลือกตั้งดีหรือไม่ ถ้าทำแล้วเขารู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงได้ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ เขาก็ไป แต่ถ้าเกิดว่าไม่ดีขึ้นก็ไม่ไปแค่นั้น เราก็เข้าใจกัน เพราะทุกคนก็มีภารกิจส่วนตัว จึงเป็นการตอกย้ำข้อกังวลของตนว่าทุกวันนี้เราสู้กับความหวัง ต้องมาชี้ให้เห็นว่าวันนี้ต่างจาก 25 ปีที่แล้วอย่างไร ต้องโน้มน้าวให้ได้ภายในระยะเวลาที่จำกัด ตนอาจจะต้องเดินทางกลับอเมริกาในเร็วๆนี้ด้วย ไม่รู้ว่าจะอยู่ช่วยโค้งสุดท้ายได้หรือไม่

รับกังวลคนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ.น้อย ทำ ปชน.ไปไม่ถึงฝัน

เมื่อถามว่ามั่นใจว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน นายพิธา ระบุว่า ตนมั่นใจว่ายังมีสิทธิ์ที่จะทำได้ เพราะตอนเลือกตั้งระดับชาติก็มีคนปรามาสว่ามือไม่ถึง ยังไม่สามารถทำได้ แต่ทุกเกมประชาชนเป็นคนตัดสิน

“แต่หากเป็นการเมืองที่รู้จักมักจี่กันมานาน อุปถัมภ์กันมานาน ดูแลอย่างโน้นอย่างนี้ดูแลเรื่องโรงพยาบาล พาลูกเข้าโรงเรียนให้ โดยรวมสังคมไทย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ทำให้คนอีกแบบหนึ่งอาจจะใช้สิทธิ์ ทำให้ฝั่งเราไม่ถึงฝั่งฝันได้” นายพิธา กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงพื้นที่จังหวัดนครนายกที่พรรคประชาชนเป็นตัวเต็ง นายพิธา สวนว่า ใครเป็นคนบอกว่าเต็งหรือไม่เต็ง ตนคงวิจารณ์ไม่ได้เพราะแต่ละคนก็ความคิดแตกต่างกัน

“ไอติม” ปลุก กา อบจ. ตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรี

ต่อมา เวลา 18.00 น. ที่ จ.จันทบุรี คณะหาเสียงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาชน อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เดินทางจาก จ.ตราด มาที่ลานเอ็กซ์ตรีม สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อ.เมือง จ.จันทบุรี เพื่อขึ้นเวทีปราศรัย ช่วยนายมานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.พรรคประชาชน เบอร์ 1 พรรคประชาชน หาเสียง บรรยากาศมีด้อมส้มมานั่งฟังปราศรัยค่อนข้างคึกคัก

นายพริษฐ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า จันทบุรีเป็นเมืองผลไม้ คิดว่าผลไม้ที่ขายดีที่สุดน่าจะเป็นส้มมากกว่า และขายดีนานมาแล้ว ตั้งแต่ปี 62 และปี 66 ส.ส.พรรคส้ม ชนะยกจังหวัด โอกาสในการเปลี่ยนจังหวัดของท่านมาถึงแล้ว วันที่ 1 ก.พ. ปากกา ด้ามละ 10 บาท ในมือท่าน จะมีมูลค่าถึง 3,000 ล้านบาท ปากกาในมือท่าน จะเป็นตัวกำหนดว่านายก อบจ. และ ส.อบจ. จะผลักดันนโยบายและการใช้งบ 700 ล้านบาทใน 4 ปีข้างหน้าอย่างไร วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ จึงไม่ใช่เวลาโยนปากกาทิ้ง แต่เป็นเวลาที่หยิบปากกาขึ้นมาขีดเขียนอนาคตไปด้วยกัน เพื่อใช้ปากกาตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรีไปด้วยกัน

“วิโรจน์” ขอคนจันทบุรี ได้เวลากา นายก อบจ. ด้วยความหวังแล้ว

ด้านนายวิโรจน์ ปราศรัยความตอนหนึ่งว่า ตนบอกกับพรรคว่าการเลือกตั้งท้องถิ่น หากเราต้องการได้ใจคนจันทบุรีต้องแสดงความตั้งใจที่อยากจะทำให้จังหวัดจันทบุรีดีขึ้นกว่านี้จริงๆ แกนนำพรรคอื่นอาจจะไปที่อื่นแต่ตนขอปักหลักอยู่ที่นี่ ตนไม่ได้สู้กับใครแต่สู้กับวลีหนึ่งที่ระบุว่า “จันทบุรีดีอยู่แล้ว” ในช่วงฤดูแล้งที่ชาวสวนทุเรียนขาดน้ำต้องซื้อน้ำวันละ 20,000 บาท เหมือนถูกกระชากสร้อยวันละ 2 สลึง ปัญหาช้างป่าที่บุกรุกสวนทุเรียนทำให้ชาวสวนสิ้นเนื้อประดาตัว ทุก 40 วันมีผู้ถูกช้างเหยียบเสียชีวิต 1 คน นี้หรือจันทบุรีที่ดีอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ต้องเดินหน้าไม่ต้องแก้ปัญหาแล้ว ส่วนแรงงานชาวสวนลำไยขาดแคลนต้องไปขึ้นทะเบียนแรงงาน ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเกือบ 6,000 บาท ล่าสุดปัญหาการนำทุเรียนไปจุ่มเบสิค เยลโล่ทู ที่จีนระงับการนำเข้าทุเรียน ทุเรียนไม่ใช่แค่ผลไม้แต่คือชีวิตความหวังอนาคตของคนจันทบุรี แต่ตนไม่เห็นการทำงานของ อบจ. ที่กระตือรือร้นประสานงานกับ ส.ส. ในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจจริงจังเลย 1 ก.พ. ที่จะถึงหลายคนกำลังจะกาด้วยความกลัว แต่ตนยืนยันว่าได้เวลากาด้วยความหวังแล้ว