“อดีตนายกฯ เศรษฐา” โพสต์ยินดีจากหัวใจ สมรสเท่าเทียมเกิดขึ้นแล้วจริง จากพลังทุกคน ชี้ ต่อจากนี้จะไม่มี “ชาย-หญิง” แต่จะเป็น “บุคคล กับ บุคคล” ที่เป็น “คู่สมรส” แทน
วันที่ 23 มกราคม 2568 นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า วันนี้ 23 มกราคม 2568 จะเป็นอีกวันที่มีความหมาย และมีความสำคัญต่อ “หัวใจ” คนไทยหลายๆ คนครับ
สมรสที่เท่าเทียมเกิดขึ้นได้จริงแล้วด้วยพลังของทุกคน จากนี้ไป จะไม่มี “ชาย” หรือ “หญิง” แต่จะเป็น “บุคคล” กับ “บุคคล” ที่เป็น “คู่สมรส” ที่เสมอภาคเท่าเทียมกัน ยินดีจากหัวใจกับทุกความรักของทุกคนครับ #สมรสเท่าเทียม
Today, 23rd January 2025, is another significant day and is very close to the hearts of many Thais.
Equal marriage has truly become possible with the power of all. From now on, there will no longer be a “man” and a “woman”, but “individual” and “individual” who are equal “spouses”.
I congratulate you wholeheartedly on your love. #lgbtq
ต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมกิจกรรม “สมรสเท่าเทียม : Marriage Equality” และเป็นประธานพิธีเปิดงาน ร่วมกับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมร่วมขบวนแห่ขันหมากสมรสเท่าเทียม และเป็นสักขีพยานพิธีจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมืองไทย ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน
นายเศรษฐา กล่าวว่าเป็นอีกวันที่เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่ต้องจารึกไว้ว่าการเดินทางมายาวนานกว่า 20 ปีได้มาถึงจุดที่เราทุกคนสามารถแสดงออกถึงความรักซึ่งมีต่อกันโดยไม่จำกัดเพศสภาพ ตนเองอยากจะขอเน้นคำว่าเท่าเทียมเพราะเชื่อว่าชาวไพรด์ได้เรียกร้องสิทธิ์ในความเท่าเทียมแต่ใช้ระยะเวลามานานเพราะมีการบิดเบือนเลยทำให้มีอุปสรรค และความรักที่มีต่อกันไม่จำเป็นต้องแอบข้างหลังอีกต่อไปแล้วสามารถออกมาเชิดหน้าชูตาในสังคมและแสดงออกในสิ่งที่อยากจะแสดงออกได้อย่างเต็มตัว
...
“ผู้นำประเทศใหญ่ ประเทศหนึ่ง ประกาศว่าจะมีแค่ 2 เพศเท่านั้น เรามีประชากร 68 ล้านคน แม้ขนาดเศรษฐกิจไม่ใหญ่เท่าเขา แต่ผมเชื่อว่าเราใจใหญ่กว่า เรายอมรับกับคนที่อยากจะเป็น เราให้เกียรติให้เวที ให้พื้นที่ อย่างที่เขาควรได้รับ” นายเศรษฐา กล่าว
ต่อมานายเศรษฐาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “กว่า 20 ปีของการเดินทางอันยาวนาน #สมรสเท่าเทียม ที่เราทุกคนร่วมกันเรียกร้องถึงความเสมอภาคในการใช้ชีวิตคู่ ได้เดินทางมาถึงจุดหมายแรกแล้วครับ ผม “เชื่อ” ในสิทธิที่เท่าเทียมมาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่ก้าวมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมไม่เคยลืม วันนี้ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยกันผลักดันจนมีวันนี้ ความรักที่ไม่ต้องแอบอยู่ข้างหลังใคร เราจะอยู่อย่างที่เราอยากจะอยู่ จะรักในแบบที่เราเป็นคนเลือก ยินดีต้อนรับชาว LGBTQIA2S+ จากทั่วโลกที่จะหลั่งไหลเข้ามาสร้างเศรษฐกิจสีรุ้งในประเทศไทยครับ ‘BETTER LATE THAN NEVER มาสายยังดีกว่าไม่มา’ และวันนี้ เราถึงจุดหมายแล้วครับ”