อดีตนายกฯ “ทักษิณ” ชวนขาประจำกินน้ำเปลี่ยนนิสัย ถาม “บิ๊กป้อม” การเมืองยุ่งเพราะใคร บอกคุยเพื่อนบ้านดีปมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมรับผล “อัลไพน์” ทุกสถานการณ์
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการปราศรัยเวทีที่ 2 ในการมาช่วยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม โดยการประกาศว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นกองหน้า แล้วตนเองจะคอยสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ต้องระวังเกี่ยวกับขาประจำที่คอยร้องเรียนหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่าไม่เป็นอะไร เดี๋ยวจะเชิญมากินไวน์กันหน่อย มากินน้ำเปลี่ยนนิสัย เผื่อนิสัยจะเปลี่ยนบ้างถ้าเขายินดี แต่ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นอะไร ถ้ามาก็พร้อม ทุกคนเลย ขอเพียงอย่าเอาเสือมา เดี๋ยวจะมากินตน
ผู้สื่อข่าวถามต่อ กังวลจะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลในภาพรวมหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่มีหรอก อย่าไปสนใจ วันนี้เราคนไทยต้องพูดภาษาไทยรู้เรื่อง ถ้าพูดไม่รู้เรื่องมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี เมื่อถามว่า หมายรวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ได้หมดทุกคน
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร ออกมาระบุว่าเป็นเป้าทางการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า “โอ้ ถามว่าการเมืองที่มันยุ่งทุกวันนี้เพราะอะไร ถามว่าปฏิวัติทำไม ให้กลไกมันลงตัวของมันเองดีกว่า ในเมื่อปฏิวัติแล้วเขียนกฎหมายไปก็ติดรูปผมไปด้วย ทำอย่างไรจะต่อต้านผมได้ กฎหมายไม่ได้ทำเพื่อส่วนรวม มันเพื่อรักษาอำนาจ เลยออกมาเป็นเช่นนี้ ซึ่งเราก็ต้องรับสภาพและปรับปรุงแก้ไขไปตามสภาพ” ผู้สื่อข่าวถามต่อ มองเรื่องที่พล.อ.ประวิตร ระบุว่าเป็นเป้าทางการเมืองอย่างไร นายทักษิณ ตอบว่า “ผมว่าเขาโดนน้อยที่สุด ต้องโดนอย่างผมแล้วจะรู้ ความจริงแล้วการเมืองยังให้เกียรติ เกรงใจแก เป็นผู้ใหญ่ ผมเองเป็นผู้ใหญ่กว่าแก แต่อายุน้อยกว่าหน่อย ยังโดนหนักเลย”
...
ส่วนภาพรวมการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงนายก อบจ. อีสานเหนือ นายทักษิณ ระบุว่า ประชาชนให้ความสนใจเรื่องการเมืองท้องถิ่นมากกว่าเมื่อก่อน ทำให้มีการมาฟังการปราศรัยมากขึ้น ภาพรวมของพรรคเพื่อไทยก็มีโอกาสสูง เมื่อถามว่าการประกาศเรื่องแก้ปัญหายาเสพติดและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในปีนี้จะทำได้หรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่าน่าจะเป็นไปได้ เพราะเป็นสิ่งที่เคยทำมาเรารู้ว่าวันนี้โลกเปลี่ยน วิธีการค้าขายของยาเสพติดก็เปลี่ยน เราก็ต้องเปลี่ยนตาม คิดว่าน่าจะเอาอยู่
ขณะที่คำถามว่าเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องไปทำลายถึงแหล่งเลยหรือไม่ นายทักษิณ เผยว่า เราเจรจากับเพื่อนบ้านได้ มีความร่วมมือค่อนข้างดีขึ้นเรื่อยๆ ทางฝั่งเมียนมาเองหลังจากทุกอย่างดีขึ้นก็คุยกันรู้เรื่อง เมื่อถามว่าเคยโดนกับตัวหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ตนไม่เคยโดน เพราะเป็นคนลึกลับ เรื่องโทรศัพท์จึงไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ย้อนไปเมื่อก่อนที่จะมีสมาร์ทโฟน ตนพกโทรศัพท์ทีละ 12 เครื่อง
พร้อมรับผล “ที่ดินอัลไพน์” ทุกสถานการณ์
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์กรณี นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เซ็นเพิกถอนการจดทะเบียนฯ และนิติกรรมต่างๆ ในที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ว่า ก็ไม่เป็นไร ว่ากันไปตามกฎหมาย ตามกติกา กฎหมายว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น กฎหมายก็ต้องเสมอภาคและผู้ที่ได้รับผลกระทบก็มีสิทธิที่จะฟ้องร้องเป็นไปตามกฎหมาย
ในประเด็นคำถามว่าได้ติดตามเรื่องราคาประเมิน 7.7 พันล้านบาทหรือไม่ หากกรมที่ดินไม่สามารถจ่ายได้ ต้องไปของบกลาง จะกลายเป็นอัฐยายซื้อขนมยายหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า คงไม่ใช่ อัฐยายไม่ซื้อขนมยาย เพราะอัฐรัฐบาลก็คืออัฐรัฐบาล อัฐเอกชนก็คืออัฐเอกชน และต้องอยู่ที่ใครเป็นผู้รับโอน ถ้ากรมที่ดินเป็นผู้รับโอน กรมที่ดินก็ต้องถูกตั้งข้อหาตั้งแต่ต้นว่าการโอนที่มิชอบมาแต่ต้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องของวัดที่ได้รับคืนไป วัดก็ต้องคิดว่าวัดจะรับทรัพย์สินไปขายต่อ หรือวัดจะเอามาให้เช่า เพื่อเป็นการชดเชยความเสียหาย แล้วแต่ ไม่มีปัญหา
“เราไม่รู้ว่าออปชั่นจะออกมาอย่างไร แต่ทางอัลไพน์รับได้ทุกสถานการณ์ เพราะเราไม่ยึดติด ทุกอย่างเราถือว่าเราได้มาโดยสุจริต เพราะไม่ได้เป็นผู้ได้มือแรก เป็นผู้ได้มือที่สอง ซึ่งบางคนก็หาว่าเราไปโกงวัดมา ซึ่งเราไม่รู้เรื่อง เราไปซื้อมาทีหลัง เราไม่ได้เป็นคนซื้อมาก่อน”
โว เพื่อไทยมองขาดเตรียมรับผลคริปโท
ทางด้านกรณีที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา วันที่ 20 มกราคม 2568 มีอะไรจะแนะนำรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า สิ่งที่นายทรัมป์ กำลังจะเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อโลก 2 เรื่อง คือการเพิ่มภาษีสำหรับประเทศที่ได้ดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้ต้องเจรจาการค้าทีละประเทศ เราเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา น่าจะอยู่ในข่ายที่พูดกันรู้เรื่อง และเราไม่ใช่เป็นประเทศที่ร่ำรวยแล้ว อีกเรื่องคือคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เป็นเรื่องที่เราจะต้องเตรียมตัวเหมือนกัน
ความจริงพรรคเพื่อไทยได้ประกาศไปแล้วว่าเราต้องยอมรับการซื้อขายคริปโตที่ไม่มีความเสี่ยง คือมีสินทรัพย์แบ็กอัปอยู่ ซึ่งเราก็เตรียมการไว้แล้ว เราจะเป็นประเทศแรกๆ ที่ทันเกมเรื่องนี้ในเอเชีย และวันนี้เรามีการแก้กฎของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อให้ประกันภัยทั้งหลาย สามารถรักษากองทุน โดยการเก็บเป็นคริปโทหรือคอยน์ ที่ไม่มีความเสี่ยงได้ คือเราต้องลดความเสี่ยง และเริ่มต้นในสิ่งที่ไม่เสี่ยง เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่เข้าใจ
เมื่อถามถึงกรณีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่าเศรษฐกิจโลกหลังจากนี้จะฝืดลง เพราะคาดการณ์ไม่ได้ว่าหลังจากนี้ นายทรัมป์ จะมีแนวทางหรือจะทำอะไร นายทักษิณ มองว่าเศรษฐกิจจะโตขึ้น เนื่องจากมีเม็ดเงินที่มากกว่าพันธบัตรเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อย่างที่ตนพยายามบอกว่า Stable Coin ออกเหรียญที่ใช้พันธบัตรรัฐบาลแบ็กอัพ ก็เพราะว่าต้องการเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ
“วันนี้ไทยเป็นประเทศที่มีเม็ดเงินอยู่ในระบบเศรษฐกิจน้อย จึงทำให้เศรษฐกิจโตน้อยกว่าคนอื่น และพยายามต้องทำเศรษฐกิจให้โตเท่า หรือมากกว่าคนอื่น ต้องอธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจ ให้เข้าใจ ถ้าคนที่ไม่เข้าใจก็พยายามเงี่ยหูฟังให้เข้าใจหน่อย เปิดสมองหน่อย อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว แล้วจะเข้าใจ พอเข้าใจแล้ว จะได้ประโยชน์ร่วมกัน”