ระทึก หญิงเสื้อแดงขว้างถุงใส่ขวดน้ำขึ้นไปบนเวทีปราศรัย “ทักษิณ” บอกไม่เป็นไร คนไทยต้องให้อภัยกัน พร้อมขอคะแนนเทใจให้เพื่อไทย ด้านผู้ก่อเหตุบอกโมโห ฟังแล้วไม่เป็นจริงตามที่พูด


เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง เดินทางต่อมาที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เพื่อปราศรัยเป็นเวทีสุดท้าย ส่งท้ายทัวร์อีสาน 3 จังหวัด โดยเดินทักทายพี่น้องประชาชนอย่างเป็นกันเอง ตั้งแต่ท้ายเวทีจนถึงหน้าเวที

จากนั้น นายทักษิณ ปราศรัยว่า ขอถามคนที่ดมมือตนเมื่อกี๊ว่าเหม็นไหม ที่นี่แปลกกว่าที่อื่น มีคนคว้ามือไปหอม แต่แปลกกว่านั้นคือเอวเจ็บไปหมดเพราะโดนหยิก โดนหยิกเยอะมาก คงคิดถึงกันมากไปหน่อยเนอะ 20 ปีที่ไม่ได้มา อ.พยัคฆภูมิพิสัย เชื่อว่าเราต่างคนต่างคิดถึงกัน มีความสุขที่น้องไม่ลืมตน มีเศรษฐีอเมริกันพูดเอาไว้ว่า ถ้าเราเกิดมาจนไม่ใช่ความผิดของเรา แต่ถ้าเราตายแล้วยังจนอยู่เป็นความผิดของเรา แต่ถ้ายังไม่อยากตายแล้วต้องตายทั้งที่จนเป็นความผิดของรัฐบาล แสดงว่ารัฐบาลสร้างโอกาสให้ท่านหายจนไม่ได้ ฉะนั้น รัฐบาลต้องมีหน้าที่สร้างโอกาสให้คนไทยหายจนให้ได้

...

วันนี้เห็นใจคนไทยมีแต่หนี้ พอจะเสนอไอเดียต่างๆ ก็จะมีคนค้าน เป็นเรื่องธรรมดา เรายินดีรับฟัง แต่บางทีมันค้านแบบหัวชนฝาก็ต้องอธิบาย ต้องตอบโต้ให้เขาเข้าใจบ้าง สำคัญคือว่าตนมีขาประจำ รู้แล้วอยากด่าอะไร หายใจก็ผิด เข้าส้วมยังผิดเลย ไม่เป็นไรตนไม่สนใจคนที่ไม่เข้าใจและค้าน เราต้องอธิบายให้เขาฟัง เรายินดีอธิบายให้เขาฟังทุกเรื่อง เพราะวันนี้ประเทศอยู่กับเรื่องเก่าๆ มันไม่ได้แล้ว เพราะโลกมันทำมาหากินแบบใหม่ไปแล้ว ถ้าอยู่กับเรื่องเก่าๆ เราก็เป็นทาสของโลก ทำงานแทบตายเหนื่อยแทบตายได้ตังค์มานิดเดียว ต่างประเทศทำขยับมานิดเดียวได้มาเป็นพันล้าน หมื่นล้าน

นายทักษิณ ปราศรัยต่อไปว่า วันนี้รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามา จะทำอะไรต้องระวังเพราะหนี้เต็มเพดาน ต้องหาวิธีคิดสร้างหนี้ให้น้อยที่สุด คือการได้เงินลงทุนจากต่างประเทศมาสร้างงานให้ประชาชนให้มากที่สุด เพื่อเอาเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด งานข้างหน้าจะเยอะมาก ตนก็เลยอยากขอมือขอไม้ ขอกำลังใจ เพราะจะต้องทำงานร่วมกับท้องถิ่น ถ้าเป็นคนของพรรคเพื่อไทยเราสั่งได้ พูดได้ จี้งานได้ จึงขอให้ช่วยเลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทยด้วย และที่ต้องมาที่นี่เป็นพิเศษ เพราะพ่อของผู้สมัครตอนตนตั้งพรรคใหม่ๆ มาลุยเขา เป็นคนขับรถพาตนลุย อยู่ๆ เขาถูกยิงตาย ตนจึงมีความรู้สึกว่าจะต้องดูแลครอบครัวของเขา

“พี่น้องครับ อยากให้ผมกลับมาพยัคฆภูมิอีกไหม กลับมาแล้วเนี่ยถ้าผู้สมัครได้เป็นนายก อบจ. ผมกลับมาเท่เลย แต่ถ้าผู้สมัครไม่ได้เป็นนายก อบจ. ทำไงล่ะ ต้องคลุมปี๊บไหม พี่น้องจะยอมให้ผมคลุมปี๊บหรือ ไม่ยอมก็ขอให้เลือกเบอร์ 4 ของผู้สมัครนะ ยังไงก็ถือว่าเราเป็นหุ้นส่วนพัฒนาประเทศด้วยกัน ให้ประเทศเจริญไปด้วยกัน ฉะนั้นเราต้องเป็นทีมเดียวกัน ว่าไงว่าตามกัน ขอบคุณพี่น้องที่อุตส่าห์มาร้อนๆ ก็ยังอยู่กันเหนียวแน่น แล้วมาเจอกันใหม่ วันที่ผู้สมัครเป็นนายก อบจ.”

สาวใหญ่สวมเสื้อแดงเขวี้ยงขวดป่วนเวที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งขณะที่นายทักษิณ ปราศรัย มีผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อสีแดงขว้างถุงที่ใส่ขวดน้ำขึ้นไปบนเวที จนการ์ดและมวลชนในบริเวณนั้นต้องช่วยกันเข้าระงับสถานการณ์ และพาตัวผู้หญิงคนดังกล่าวออกไปจากเวที ก่อนพาขึ้นรถตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย และบอกว่าจะเอาไปส่งที่บ้าน โดย นายทักษิณ ปราศรัยต่อเนื่องว่าไม่เป็นไร คนไทยต้องให้อภัยกัน บางทีคนเราก็เก็บกด ไม่มีปัญหา ใจเย็นๆ พี่น้อง คนเราบางทีมีปัญหาหนี้สินบ้าง บางทีมีปัญหาครอบครัวบ้าง บางทีมีปัญหาทางจิตบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา เราคนไทยด้วยกันให้อภัย พร้อมที่จะดูแลกันและกัน ไม่เป็นไร

“พอผมอายุมากๆ เกิน 70 ปีไปแล้ว มีคาถาประจำใจ ผมเดินไปไหน คาถาบอกว่า เย็นไว้โยม เย็นอย่างเดียว เย็นไว้โยม ใจเย็นๆ ผมโดนลอบฆ่ามา 4 หน ก็เฉยๆ ถึงเวลาก็ไปตามเวลา ถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่ไปตามเวลา ผมโดนลอบฆ่าตอนเป็นนายกฯ 4 หน คนถามว่าผมใส่พระอะไร ผมบอกหลวงพ่อหนังวัดโกยแนบ เราตั้งอยู่บนความไม่ประมาท และขอโทษแทนคนเมื่อกี๊ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ไม่เป็นไร ช่างมัน เสียบรรยากาศไปนิดหน่อยแต่ขอโทษแทนแล้วกัน”

ทั้งนี้ เมื่อนายทักษิณ ลงจากเวที ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่ง นายทักษิณ ไม่ได้ตอบคำถาม โดยได้หันไปทักทายกับประชาชนและขึ้นรถออกไปทันที

ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถามหญิงคนก่อเหตุได้คำตอบชื่อว่าอ้วน มาจาก อ.วาปีปทุม ครอบครัวตนแตกสลาย พินาศตั้งแต่ปี 2552 แล้ว เพราะตนเป็นเสื้อแดง คนที่ไม่ชอบเสื้อแดงจึงไม่มาอุดหนุนเลย เยียวยามาเลย ค้าขายไม่ดี คนเสื้อเหลืองก็ไม่มาซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ถามว่าเดินทางมาอย่างไร หญิงคนดังกล่าวจึงตอบว่าไม่มีรถมา ไม่มีรถกลับ ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่ารู้สึกอย่างไรถึงได้โยนของขึ้นไปบนเวที ป้าอ้วน กล่าวตอบว่า โมโหมาก ตนไม่ได้ตั้งใจจะทำ แต่นั่งฟังแล้วพอนึกถึงแล้วมันไม่ใช่ เพราะนานๆ เขามาเหยียบบ้านเราที ต้องจัด จากนั้นตำรวจได้ปลอบใจว่าเหตุการณ์มาหลายปีแล้ว ป้าอ้วน จึงตอบกลับว่า หลายปีแต่มันไม่ดีขึ้น มานี่ 200 ก็ไม่ได้ บอกเรามาเกิน.