“ทักษิณ” ลั่น นรก-สวรรค์เห็นมาหมดแล้ว ไม่ได้โง่ รักประชาชน รักประเทศ และจงรักภักดี ฟิวส์ขาดถูกพวกขาประจำตามด่า ซัดกลับรวยด้วยตัวเอง ไม่ได้โกง ตอนที่รวยคนพวกนี้ยังแบมือขอตังค์พ่ออยู่เลย

วันที่ 20 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยเวทีที่ 2 ที่โรงฝึกกีฬาอเนกประสงค์ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตมหาสารคาม บรรยากาศคึกคักเหมือนหลายเวทีที่ไปปราศรัยมา มีประชาชนมานั่งฟังเต็มหน้าเวที โดยบอกว่า วันนี้พยายามจะเอาเรื่องใหม่เข้าสู่ประเทศไทย แต่มีคนไม่เข้าใจมาต่อต้าน จึงขอให้ประชาชนหนักแน่นว่า ทักษิณไม่โง่ รักประชาชน รักประเทศไทย และจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัวแน่นอน 4 ข้อนี้ใครจะด่าจะว่าตนได้ยิน แต่ก็ขอให้พี่น้องประชาชนฟังหูไว้การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งตนมั่นใจว่าจะสามารถทำให้ประเทศนี้เจริญได้ โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นกองหน้าและมีตนเป็นกองหลังคอยช่วยคิด

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า วันที่ทำกองทุนหมู่บ้านก็ถูกพรรคตรงข้ามด่า บอกว่าประเทศลำบากขนาดนี้จะเอาเงินจากไหน ตนเคยบริหารบริษัทเล็กๆ ชินวัตรคอมพิวเตอร์ กู้เงินมา 30,000 ล้านบาท ใช้เวลานิดเดียวก็ปิดได้หมด ทำกองทุนหมู่บ้านใช้ 80,000 ล้านบาท ทุกคนบอกทำยาก แต่ที่ตนพูดคิดมาแล้วว่าทำได้ ถ้าพูดแล้วต้องทำได้อย่างแน่นอนเพราะคิดมาแล้ว กำลังใจจากพี่น้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ

อดีตนายกรัฐมนตรี ยังบอกด้วยว่า “คนมีเงินเยอะแล้วไม่เดือดร้อน แต่มีคนบอกว่าผมโกง โกงพ่อมึงสิ ผมเข้ามาการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ตอนนั้นประกาศมีทรัพย์สินกว่า 60,000 ล้าน ทั้งที่ ป.ป.ช. ไม่ได้ขอ ทำธุรกิจมาสร้างเนื้อสร้างตัวมา วันนี้โดนยึดไป 46,000 ล้านบาท ยังไม่ร้องสักคำเลย ทั้งที่เป็นเงินที่ทำมาหากินมาแท้ๆ คำก็โกง 2 คำก็โกง ก็มึงตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบกู ตอนที่กูรวยมึงยังเพิ่งขอตังค์พ่อใช้อยู่เลย วันนี้ผมไม่เดือดร้อนแม้มีเงินเดือน 700 บาท กับลำไพ่วันละ 300 บาท ก็ไม่เดือดร้อน เพราะความสุขคือการทำให้บ้านเมืองและพี่น้องพ้นทุกข์”

...

ในตอนท้าย นายทักษิณ กล่าวว่า นรกก็เห็นมาแล้ว สวรรค์ก็เห็นมาแล้ว ตอนนี้อยู่บนดินไม่เห็นมีอะไรตื่นเต้นเลย อยากให้พี่น้องมีความสุขเหมือนที่ตนเคยประสบความสำเร็จในชีวิตในการทำธุรกิจมา ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเคยแข่งนายก อบจ. แต่ไม่สำเร็จ เที่ยวนี้มาขอด้วยตัวเองหวังว่าพี่น้องจะยกให้ เพื่อจะได้ทำงานให้พี่น้องประชาชน