“จุรินทร์” ยก 3 เหตุผล ก่อนเดินหน้ามี “กาสิโน” ต้องทำประชามติ เพราะเป็นเรื่องใหญ่กระทบสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ที่สำคัญยังมีผู้ไม่เห็นด้วย ซ้ำรัฐบาลไม่เคยหาเสียงมาก่อน

วันที่ 20 มกราคม 2568 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลกำลังผลักดันเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ว่า สำหรับร่างกฎหมายใหม่ที่กำลังผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไป พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เคยมีการคุยกัน ถ้าสมมติว่ามีร่างที่ผ่าน ครม. มาอย่างชัดเจน และรัฐบาลตัดสินใจว่าจะเสนอเข้าสภาผู้แทนราษฎร ตอนนั้นที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ หรือที่ประชุม สส.ของพรรค จึงจะมีการคุยกันว่าจะมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประชุม สส. ของพรรคเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และต้องรอความชัดเจนด้วยว่าสุดท้ายรัฐบาลจะตัดสินใจเอาเข้าสภาฯ หรือไม่

เมื่อถามว่าทำไมเรื่องนี้ต้องทำประชามติ นายจุรินทร์ กล่าวว่าเป็นเพราะ 1. เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างกว้างขวาง ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวมาก 2. ประชาชนมีความเห็นต่าง ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย อีกฝ่ายไม่เห็นด้วย 3. พรรคการเมืองไม่ได้หาเสียงมาก่อนว่าจะทำกาสิโน อาจจะพูดกว้างๆ แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าจะทำกาสิโน เพื่อประกอบการตัดสินใจของประชาชน

เพราะฉะนั้นข้อยุติที่ดีที่สุดคือการทำประชามติ เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนว่าเห็นด้วยที่จะให้ทำหรือไม่ เป็นทางออกที่ตนคิดว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายรัฐบาลเองที่จะได้มีความชอบธรรมถ้าประชาชนเห็นด้วย ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็ยกเลิกได้ เพราะเป็นรัฐบาลในวิถีทางประชาธิปไตยควรรับฟังเสียงประชาชน หลายประเทศใช้ประชามติในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของบ้านเมือง ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องใหญ่และมีผลกระทบในวงกว้าง จึงคุ้มค่าที่จะทำประชามติ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

...

ชี้ หากแค่ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ฯ” ไม่มีปัญหา

“โดยภาพรวมเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ผมคิดว่าแรงต่อต้านไม่มี แต่ประเด็นใหญ่คือกาสิโน เพราะถ้าจะทำเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ คิดว่าประชาชนไม่ขัดข้องอะไร ฝ่ายที่ต่อต้านส่วนใหญ่เท่าที่รับฟังก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะการทำศูนย์การค้า ทำร้านอาหาร การทำแหล่งบันเทิง ก็มีอยู่แล้วในประเทศเราในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แต่สิ่งที่จะเป็นประเด็นที่เป็นความเห็นที่ขัดแย้งกันอยู่คือกาสิโน” นายจุรินทร์ กล่าว

ส่วนคำถามว่าถ้าร่างกฎหมายฉบับนี้เข้าสภาฯ พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะโหวตอย่างไร นายจุรินทร์ ระบุว่า ต้องมีการพูดคุยกันในพรรคก่อน 1. ขอดูหน้าตาของร่างนี้ว่าออกมาเป็นอย่างไร มีรายละเอียด เงื่อนไขเป็นอย่างไร 2. เมื่อไปคุยในพรรคแล้วในภาพรวม พรรคมีความเห็นอย่างไร

เมื่อถามย้ำว่าการทำประชามติแต่ละครั้งใช้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท จะคุ้มหรือไม่ นายจุรินทร์ ตอบว่า ตนคิดว่าคุ้มค่า เพราะความเสียหายถ้าเทียบไปแล้วกับ 2-3 พันล้าน หากเกิดความเสียหายจะมากกว่านี้ จะเป็นความเสียหายมหาศาล โดยเฉพาะปัญหาทางสังคม และผลกระทบทางเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเป็นสิ่งที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเป็นห่วง เพราะฉะนั้นเพื่อหาข้อยุติสำหรับทุกฝ่าย เป็นทางออกที่ดี ซึ่งเราก็มีกฎหมายประชามติ และเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประชามติ ก็เพื่อให้เปิดทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม และให้ฝ่ายต่างๆ ได้ถามประชาชนในประเด็นที่คิดว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ อาจเป็นเรื่องใหม่สำหรับบ้านเรา แต่สามารถทำได้ ทั้งหมดนี้เป็นข้อเสนอและเป็นความเห็น รัฐบาลจะรับฟังหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ หรือฝ่ายต่างๆ จะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่