ว่ากันด้วยปัญหาเรื่องของคนที่ตั้งตนเป็น Elite หรือ ชนชั้นที่สูง“กว่า”คนทั่วไป กลุ่ม อีลีท ที่ว่าเนี่ยมีคนไปช่วยนับให้จากบัญชีรายชื่อที่กระจุกตัวคัดค้านคนที่รัฐบาลจะส่งเข้าไปนั่งเป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หรือที่เรียกอีกชื่อว่า แบงก์ชาติ จำนวน 830 คน ส่วนที่กระจายตัวอยู่ในวงการต่างๆ น่าจะยังมีอีกพอสมควร แต่ไม่ใช่เสียงข้างมากแน่นอน

เป็นที่ทราบกันดีนะว่า กลุ่มคนพวกนี้เขาไม่เอา ทักษิณ ชินวัตร จะเรียกว่า เกลียดเข้ากระดูกดำจนเอาความเห็นส่วนตัวมาบดบังนโยบายที่เป็นผลประโยชน์ของคนไทยส่วนใหญ่ควรได้รับไปหมด

จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะคัดค้านมันทุกเรื่อง และด่าได้ทุกย่างก้าวที่สองพ่อลูกซึ่งเป็นทั้งอดีตนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีปัจจุบันย่ำกรายไปถึง

กลุ่มอีลีทที่กระจุกตัวอยู่ใน แบงก์ชาติ เกาะกลุ่มกันแน่นจนเป็นแคลเซี่ยมหนาที่กระดูกสันหลัง เพื่อเข้าชื่อคัดค้านไม่ให้ “โต้ง” กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตประธานที่ปรึกษานายกฯเข้าไปนั่งเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ด้วยเหตุผลเพราะ เขาเป็นคนจากการเมืองส่งมา

อีลีทที่ยื่นหน้าออกมาปกป้องเก้าอี้ประธานบอร์ดแบงก์ชาติหนักหน่วง ล้วนแต่เป็นอดีตผู้ว่าฯแบงก์ชาติ อาทิ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล, ดร.ธาริษา วัฒนเกส หญิงเหล็กที่หม่อมอุ๋ยมอบหมายให้ออกกฎป้องกันการเก็งกำไร ด้วยการให้ ต่างชาติต้องกันสำรอง 30%...มีผลให้หุ้นร่วงถึง 100 จุด และคนต่อมาคือ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล และ ดร.วีรไท สันติประภพ 

ยังมีพวกนักวิชาการ หรือ เทคโนแครต ที่เข้าชื่อกันต้านโต้ง..กิตติรัตน์ ด้วยก็เช่น ดร.วิรัตน์ วัฒนศิริธรรม อดีตเลขาฯสภาพัฒน์ ดร.สมชัย จิตสุชน, ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์, และ ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ เป็นต้น

...

หนึ่งในคณะกรรมการคัดสรรบุคคลดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ บอกว่า ใครบ้างไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง คนที่แบงก์ชาติส่งมาเป็นแคนดิเดตทั้งสองคน ก็ล้วนเกี่ยวข้องตรงๆ กับการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน

หรืออย่าง หม่อมอุ๋ย คนที่แต่งตั้งเขาเข้ามาก็คือ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์...จะว่าไป หม่อมอุ๋ย อาจมีความเชี่ยวกรากทางการเมืองมากกว่านักการเมืองที่ดันเขาเข้าไปเป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติด้วยซ้ำ  

ส่วนเทคโนแครตทั้งหลาย ใครล่ะที่ไม่เคย “ว้าวุ่น” เรื่องการเมืองจนต้องออกมาให้สัมภาษณ์มากมาย ไม่ก็ทำโพลสนับสนุนผู้นำรัฐบาลคนก่อนๆ

ในขณะที่ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ คนปัจจุบันก็ได้รับการแต่งตั้งจากอดีตนายกฯ ผู้ทำปฏิวัติรัฐประหารเข้ามา ถึงขนาดที่คนจำนวนไม่น้อยจัดให้เขาอยู่ในกลุ่มที่คลอดออกมาจากมดลูกเผด็จการด้วยซ้ำ

เอาละ ทีนี้มาดูว่า ใครจะเป็นแคนดิเดตกลุ่มใหม่ที่แบงก์ชาติเสนอเข้ามาให้คัดสรรเป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ…

ผู้ที่มีชื่อถูกเสนอมาใหม่คนแรก คือ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ อดีต รมว.คลังในรัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และองคมนตรี คนที่สองคือ ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ซึ่งก็ได้รับการแต่งตั้งจากพล.อ.ประยุทธ์ ในปี 2558 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)

อย่างไรก็เถอะ มีกระแสข่าวสะพัดว่า คณะกรรมการสรรหาผู้เหมาะสมจะดำรงแหน่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติชุดเดิมซึ่งมี ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธ์ุ เป็นประธาน ยังคงยืนกรานว่า โต้ง กิตติรัตน์ มีความเหมาะสมทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิ มากที่สุด 

ทีนี้ ถ้าจะมีใครเสนอรายชื่อเข้าไปใหม่ ก็อาจต้องมองหาบุคคลที่จะเป็นคณะกรรม การสรรหาชุดใหม่ด้วย เพราะชุดเก่าดูเหมือนไม่ประสงค์จะทำหน้าที่เดิมอีก ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาอีกนาน หรือ อาจยาวไปจนถึงช่วงเวลาการหมดวาระของ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติในวันที่ 30 ก.ย.68 เลยก็ได้

สำหรับความพยายามในการควานหาผู้เหมาะสมสำหรับการดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯแบงก์ชาติคนใหม่ มีผู้เสนอชื่อ ดร.สุทธาภา อมรวิวัฒน์ นักเรียนทุนพระราชทานเล่าเรียนหลวงเหมือนกัน เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Harvard และปริญญาเอกจาก MIT 

ดร.สุทธาภา หรือ ดร.ก้อย อายุ 51 ปีเป็นนักเศรษฐศาสตร์จาก IMF และนักบริหารความเสี่ยงของกลุ่มการเงิน ING เนเธอรแลนด์ ก่อนจะเข้ารับราชการในสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และผันตัวสู่การเป็นรองผู้จัดการใหญ่ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ จากนั้นไม่นาน ดร.ก้อย ได้ออกไปทำงานในบริบทใหม่ด้วยการเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท ABACUS digital 

วาสนา บารมีคน ห้ามกันไม่ได้จริงๆ