“ประเสริฐพงษ์” โวย สส.พรรคประชาชน ถูกขู่กลางสภา ห้ามจุ้นสนาม ส.อบจ.ลพบุรี พร้อมบอกใบ้สีพรรค รอเจ้าตัวออกมาขอโทษ ชี้ ไม่ควรเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
วันที่ 16 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุม มีการเปิดให้สมาชิกได้หารือก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระ โดยนายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ขอหารือเป็นคนแรก ระบุว่า ขอร้องเรียนประธาน เพราะสมาชิก 2 คน มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เดินมาหยอกแกมข่มขู่ นายสาธิต ทวีผล สส.ลพบุรี พรรคประชาชนที่นั่งอยู่ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งมีพยานคือ นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี พรรคประชาชนที่นั่งอยู่ข้างๆ พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในสภาฯ อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ จึงขอฟ้องประธานให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และบอกกับเพื่อนสมาชิกว่า พฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น
ต่อมาภายหลังจากการหารือเสร็จสิ้น นายประเสริฐพงษ์ แถลงข่าวเพิ่มเติมว่า ตนไม่ได้อยู่ระหว่างเกิดเหตุ แต่ได้ฟังจากพยาน มี สส.คนหนึ่งเดินมาหา นายสาธิต จับไหล่แล้วพูดว่า “พี่รู้นะว่าน้องทำอะไรอยู่ ขออย่ายุ่งเลือกตั้ง สจ.ในลพบุรีได้ไหม ถ้าน้องยังยุ่งอยู่ ระวังจะอยู่ไม่ได้ใน จ.ลพบุรี” ก่อนจะมีอีกคนมาบีบไหล่ ทำให้ นายอนุสรณ์ ค่อนข้างตกใจ มองหน้าแล้วรู้สึกว่าไม่พอใจ เขาจึงพูดว่าหยอกๆ แล้วเดินไป แต่ตนฟังแล้วทะแม่งๆ รู้สึกเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม จึงแจ้งต่อประธาน เพราะการต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตยไม่ว่าจะเป็นเวทีไหน ก็ต้องต่อสู้แบบแฟร์ๆ จะมาพูดแบบหยอกแกมขู่เราฟังรู้เรื่อง เพียงแต่นายสาธิต อาจไม่โต้ตอบ เพราะเป็นคนที่อ่อนน้อม แต่ตนมองว่าเป็นพฤติกรรมข่มขู่ แม้จะอ้างว่าเป็นการหยอกล้อ จึงสมควรที่ต้องฟ้องประธาน อยากให้รู้ถึงหูผู้กระทำ และหัวหน้าพรรคนั้นด้วย แต่ไม่อยากเอ่ยชื่อพรรค
...
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าเป็น สส.ของพรรคการเมืองใด สีอะไร นายประเสริฐพงษ์ เลี่ยงที่จะตอบ แต่ช่วงท้ายก็ได้ยื่นมือไปจับสายคล้องบัตรของผู้สื่อข่าวซึ่งเป็นสีน้ำเงิน เมื่อถามว่าต้องการให้ประธานตักเตือนหรือถึงขั้นตรวจสอบจริยธรรม นายประเสริฐพงษ์ ตอบว่า แค่เตือนก็พอแล้ว เพราะโตๆ กันแล้ว ถ้าจะตรวจสอบจริยธรรมก็แล้วแต่ ส่วนตัวมองว่าไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็ไม่สมควรเกิดขึ้น คนที่รู้คงจะเสียใจที่เลือกมา ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่าก่อนหน้านี้ สส. เคยมีปัญหาในพื้นที่กันมาก่อนหรือไม่ และไม่ทราบว่าเคยมีพฤติกรรมลักษณะนี้มาก่อนหรือไม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการหาเสียงก็มีกฎหมายอนุญาตให้ สส. ช่วยผู้สมัครหาเสียงได้ ในเวทีประชาธิปไตยทุกคนต้องเอาชนะใจประชาชน เอานโยบายไปขายแต่อยู่ๆ มาขู่กันแบบนี้ไม่เหมาะ จากนี้จะรอดูว่าเขาจะยอมรับผลของการกระทำหรือไม่ ยอมรับว่าทำจริง ไม่มีเจตนาจริงๆ อย่างน้อยน่าจะมีคำขอโทษออกมา.